น้ำท่วมรุนแรงในบราซิล เสียชีวิตแล้ว 57 ราย อพยพคนเกือบ 70,000
น้ำท่วมรุนแรงในบราซิล คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 57 ราย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพคนเกือบ 70,000 และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 74 ราย สูญหายอีก 67 ราย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เหตุน้ำท่วมรุนแรงและดินโคลมถล่มได้คร่าชีวิตผู้คนในรัฐริโอ กรันดี โด ซุล ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล อย่างน้อย 57 ราย และส่งผลให้ประชาชนเกือบ 70,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้าน
หน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนรายงานวานนี้ (4 พ.ค.) ว่า มีประชาชนบาดเจ็บอย่างน้อย 74 ราย และสูญหาย 67 รายจากเหตุน้ำท่วมรุนแรง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่ไม่ได้นับรวมเข้าไป โดย 2 รายนี้เสียชีวิตจากเหตุปั๊มน้ำมันระเบิดเพราะน้ำท่วม
ขณะที่แม่น้ำกวยบา (Guaiba River) มีระดับน้ำสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5.04 เมตร มากกว่าระดับ 4.76 เมตร จากสถิติน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2484
ด้านเจ้าหน้าที่ต่างเร่งอพยพคนออกจากพื้นที่ที่มีน้ำขัง โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้ยานพาหนะขับเคลื่อน 4 ล้อ และเจ็ตสกีในการเดินทางผ่านระดับน้ำที่ท่วมสูงถึงเอว
หน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเผย ต้องอพยพคน 69,200 คน และประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มได้ ขณะที่หลายพื้นที่ผู้คนต่อแถวยาวเพื่อพยายามขึ้นรถบัส แม้บริการรถบัสไป-กลับใจกลางเมือง ยุติให้บริการแล้ว
อย่างไรก็ดี ประชาชนพลัดถิ่น 1 ใน 3 ได้อพยพไปยังที่พักพิงที่ตั้งอยู่ตามศูนย์กีฬา, โรงเรียน และสถานที่อำนวยความสะดวกอื่น ๆ เรียบร้อย
ด้านสนามบินนานาชาติปอร์ตูอาเลเกร (The Porto Alegre international airport) ระงับให้บริการทุกเที่ยวบินในวันศุกร์ (3 พ.ค.) โดยไม่มีระยะเวลากำหนดแน่นอน
“ฟรานซิสโก เอลิซู อากีโน” นักอุตุนิยมวิทยา เผยกับเอเอฟพีเมื่อวันศุกร์ว่า พายุฝนที่รุนแรงทางตอนใต้ของบราซิล เกิดจากสภาพอากาศโลกแปรปรวนรุนแรง และปรากฏการณ์เอลนีโญ
อากีโน ย้ำว่า ภูมิศาสตร์ของอเมริกาใต้ มักต้องเผชิญกับผลกระทบมวลอากาศเขตร้อนและขั้วโลกที่มาปะทะกัน แต่ผลกระทบยิ่งรุนแรงขึ้นอีกเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง