Toyota ทุ่ม 5 แสนล้าน ลงทุน ‘เอไอ-อีวี’ แผนสร้างการเติบโตครั้งใหญ่ จุดเปลี่ยนใหม่สู้ค่ายรถจีน?
“Toyota” ประกาศแผนทุ่มลงทุนเฉียด 5 แสน มุ่งกลุ่มธุรกิจเติบโตเน้น ‘เอไอและอีวี’ เชื่อเป็น Game changer สู้การแข่งขันดุเดือด แต่ยังไม่ทิ้งห่วงโซ่อุปทาน พร้อมยืนยัน ยังยึดมั่นจุดยืนในแนวทาง "หลายรูปแบบ" ไม่จำกัดเพียงการผลิตรถ EV เท่านั้น
สำนักข่าวนิคเคอิรายงานว่า โคจิ ซาโต ประธานบริษัทรถยนต์ “โตโยต้า มอเตอร์” (Toyota) ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ 2 ล้านล้าน หรือราว 480,000 ล้านบาท โดยจะใช้งบลงทุนก้อนใหญ่สุด 1.7 ล้านล้านเยน มุ่งลงทุนในกลุ่มธุรกิจเติบโตนำโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซอฟต์แวร์ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน
ซาโตกล่าวในงานแถลงข่าวหลังการประกาศผลประกอบการเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า "เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความพยายามในการใช้ประโยชน์จาก AI ซึ่งครอบคลุมไปถึงเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ อีกทั้งบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ด้วย"
ประธาน Toyota เน้นย้ำว่า บริษัทกำลังเพิ่มการลงทุนใน AI และรถยนต์ที่เน้นซอฟต์แวร์ ซึ่ง "คุณค่าของการขับเคลื่อนที่กำลังเปลี่ยนไป ไม่เพียงแค่การขนส่งผู้คนและสินค้า แต่ยังรวมถึงข้อมูลและพลังงานด้วย"
ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา Toyota ได้เปิดตัวความร่วมมือกับ Tencent บริษัทแม่ของ WeChat แอปพลิเคชันยอดนิยมของจีน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติที่มุ่งหาพันธมิตรกับบริษัทจีน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดยานยนต์ที่ดุเดือด
โยอิจิ มิยาซากิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Toyota กล่าวว่า บริษัท "ตามหลัง" คู่แข่งชาวจีนอยู่ในบางด้าน Toyota จำเป็นต้อง "อดทน" กับช่วงเวลาที่ยากลำบากหลายปี และหลีกเลี่ยงการเข้าสู่สงครามการตัดราคากับแบรนด์รถยนต์จีนท้องถิ่น
มิยาซากิ กล่าวเสริมว่า "เราจำเป็นต้องคิดว่า เราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้อย่างไร ผ่านการเพิ่มการลงทุน"
มิยาซากิ เน้นย้ำว่า การที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดได้รับความนิยมมากขึ้น ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Toyota สามารถใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของตนเอง ฟันฝ่า "ช่วงเวลาอดทน" ของบริษัท ไปได้
ไม่ทิ้งซัพพลายเชน อีก 3 แสนล้านเน้นทรัพยากรมนุษย์-ห่วงโซ่อุปทาน
ซาโต กล่าวว่า ในปีงบประมาณปัจจุบัน บริษัทจะลงทุน 380,000 ล้านเยนใน "ทรัพยากรบุคคล" ซึ่งรวมไปถึงซัพพลายเออร์ โดยซาโตเสริมว่า “สิ่งที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ที่ดีนี้คือ ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งมาก เพื่อให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะปกป้องและพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน”
ทั้งนี้ โตโยต้ารายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2566 สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2567 มีกำไรสุทธิสูงสุดทุบสถิติใหม่ที่ 4.94 ล้านล้านเยน (ราว 1.18 ล้านล้านบาท) โดยเพิ่มเป็นสองเท่าจากปีก่อนหน้า และมีรายได้สูงสุดทุบสถิติเช่นกันโดยเพิ่มขึ้น 21.4% อยู่ที่ 45.1 ล้านล้านเยน ปัจจัยสนับสนุนสำคัญนั้น มาจาก “ค่าเงินเยน” ที่อ่อนค่าลง และ “ความต้องการรถยนต์ไฮบริด” ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยความต้องการรถยนต์ไฮบริดที่แข็งแกร่งและการปรับราคาในอเมริกาเหนือและยุโรป ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานของ Toyota เพิ่มขึ้น 2 ล้านล้านเยน อีกทั้งการอ่อนค่าของเยน ยังส่งผลต่อรายได้จากต่างประเทศอีกด้วย โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้ออำนวยนี้ ทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีก 685,000 ล้านเยน
แม้จะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แต่บริษัทคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.6 ล้านล้านเยนสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยลดลง 27.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนกำไรจากการดำเนินงานถูกคาดว่าจะลดลงเหลือ 4.3 ล้านล้านเยน ซึ่งลดลง 19.7% ในขณะที่รายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2% เป็น 46 ล้านล้านเยน
ยังคงยึดมั่นจุดยืนในแนวทาง "หลายรูปแบบ"
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเติบโตที่ชะลอตัวในตลาด EV ประธาน Toyota กล่าวว่า บริษัทยังคงยึดมั่นจุดยืนในแนวทาง "หลายรูปแบบ" โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลากหลายรุ่น ไม่เพียงรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
ซาโตกล่าวว่า "เราจำเป็นต้องพิจารณาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าและตอบสนองต่อสิ่งนั้น" และยังเสริมอีกด้วยว่า แม้มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ล้วน แต่จุดยืนของเรายังคงเหมือนเดิม
อ้างอิง: asia