IMF ออกโรงวิจารณ์ไบเดน ชี้ 'เศรษฐกิจโลกรับกรรม' สงครามภาษีสหรัฐ-จีน

IMF ออกโรงวิจารณ์ไบเดน ชี้ 'เศรษฐกิจโลกรับกรรม' สงครามภาษีสหรัฐ-จีน

'ไอเอ็มเอฟ' วิจารณ์สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจีน ชี้ควรเดินหน้าการค้าแบบเปิดต่อไปมากกว่า หวั่นเศรษฐกิจโลกเสี่ยงได้รับผลกระทบไปด้วย เผยปีที่แล้วมีปัญหาจำกัด/กีดกันการค้ากันมากถึง 3,000 เคสทั่วโลก

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกโรงวิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กรณีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.6 แสนล้านบาท) พร้อมเตือนว่าความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศเสี่ยงจะส่งผลกระทบต่อการค้าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

"สหรัฐควรดำเนินการที่เป็นประโยชน์มากกว่าด้วยการคงนโยบายการค้าแบบเปิด ซึ่งเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐเองมาโดยตลอด" จูลี โคแซค โฆษกของ IMF กล่าว

IMF ระบุว่าเฉพาะปี 2566 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีกรณีการจำกัด/กีดกันทางการค้าแล้วมากถึงราว 3,000 เคสทั่วโลก หรือเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าจากในปี 2562 ซึ่งอยู่ที่เพียงประมาณ 1,000 เคสเท่านั้น 

ในขณะที่การแตกกลุ่ม (fragmentation) ทางเศรษฐกิจโลกก่อให้เกิดผลลัพธ์ได้มากมาย ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่จะฉุดจีดีพีโลกให้ลดลงถึง 7% หรือเทียบเท่ากับจีดีพีของเยอรมนีและญี่ปุ่นรวมกัน ในกรณีเลวร้ายที่เกิด "การแตกกลุ่มที่รุนแรง" และความเสียหายอาจจะสูงขึ้นอีกหากเกิดผลกระทบต่อการค้าและการเข้าถึงเทคโนโลยี


"เรายังสนับสนุนให้สหรัฐและจีนร่วมมือกันเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา เพื่อจัดการกับต้นตอความกังวลที่ทำให้ความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้น" "นอกจากนั้น เราขอเรียกร้องให้ทุกประเทศแก้ไขความแตกต่างภายในกรอบพหุภาคี" โคแซคระบุ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแผนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนหลายรายการ และจะทยอยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567-2569 อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยปรับขึ้น 4 เท่า เป็น 102.5%, ขึ้นภาษีแผงโซลาร์ 2 เท่า สู่ระดับ 50%, ขึ้นภาษีเซมิคอนดักเตอร์ 2 เท่า สู่ระดับ 50% และขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมสู่ระดับ 25% ในปี 2567

เลล เบรนาร์ด ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของขอไบเดน กล่าวปกป้องการปรับขึ้นภาษีรอบใหม่นี้ว่า มีความจำเป็นในการปกป้องธุรกิจและแรงงานสหรัฐ จาก "การส่งออกของจีนที่มีมูลค่าต่ำเกินกว่าที่ควรจะเป็นอย่างไม่ยุติธรรม"

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งจีนมองว่าการที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็นการสร้างกระแสทางการเมือง ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในเดือน พ.ย.ปีนี้