'ญี่ปุ่น' รับคลื่นนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่หยุด เมษายนยังทะลุหลัก 3 ล้านคน
'ญี่ปุ่น' เปิดเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน เม.ย. ทะลุหลัก 3 ล้านคนเป็นเดือนที่สองติดต่อกันแล้ว 'เกาหลีใต้' ครองแชมป์เข้าประเทศมากที่สุด ขณะที่ 'จีน' เดินทางทะลุ 5 แสนคน ท่ามกลางช่วงเงินเยนอ่อนค่าสุดในรอบ 34 ปี
องค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (JNTO) รายงานจำนวนนักเดินทางชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่น ช่วงเดือน เม.ย.ปีนี้ รวมอยู่ที่กว่า 3.04 ล้านคน ซึ่งสูงเกินหลัก 3 ล้านคนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แล้ว
ตัวเลขของเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 56.1% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันปีที่แล้ว และเป็นสถิติสูงสุดอันดับ 2 เป็นรองแค่เดือน มี.ค. ซึ่งอยู่ที่ 3.08 ล้านคน ขณะที่จำนวนนักเดินทางชาวต่างชาติที่เยือนญี่ปุ่นช่วง 4 เดือนแรกในเดือน ม.ค.-เม.ย. รวมอยู่ที่ราว 11.6 ล้านคน
ทั้งนี้ หากจำนวนนักเดินทางขาเข้ายังคงเพิ่มขึ้นด้วยอัตราปัจจุบันต่อไป เป็นที่คาดว่าตัวเลขนักเดินทางชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นทั้งปี 2024 จะแซงหน้าตัวเลขของปี 2562 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ 31.88 ล้านคน
ในจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นในเดือน เม.ย. เป็นผู้ที่เดินทางมาจาก "เกาหลีใต้" มากที่สุดด้วยจำนวน 661,200 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด ตามมาด้วยนักเดินทางจาก "จีน" 533,600 คน และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ที่นักเดินทางจากจีนทะลุหลัก 5 แสนคน แม้ว่าหากเทียบกับช่วงก่อนโควิดจะลดลง 26.5% ก็ตาม
นอกจากนักเดินทางจากเอเชียแล้วยังพบด้วยว่า นักเดินทางจากฝรั่งเศส อิตาลี และประเทศในตะวันออกกลาง ยังเดินทางเข้ามายังญี่ปุ่นสูงที่สุดทุบสถิติใหม่ในเดือน เม.ย.อีกด้วย
ส่วนนักเดินทางชาวญี่ปุ่น "ขาออก" ในเดือน เม.ย. อยู่ที่ 888,800 คน เพิ่มขึ้น 58.7% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ยังคงลดลง 46.7% เมื่อเทียบกับปี 2562
เที่ยวญี่ปุ่นฮอทรับเงินเยนอ่อนค่ารอบ 34 ปี
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ทะลุหลัก 3 ล้านคนต่อเดือนเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน ยังมีขึ้นในช่วงที่ "ค่าเงินเยน" อ่อนค่าสุดทุบสถิติใหม่ในรอบ 34 ปี จากระดับประมาณ 141 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อต้นปีในวันที่ 1 ม.ค. อ่อนค่าไปทะลุระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า ปัจจัยที่เงินเยนอ่อนค่าและแบรนด์ระดับพรีเมียมไม่ปรับราคาสินค้าขึ้นตามค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไป สินค้าหรูในญี่ปุ่นจึงมีราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เสมือนซื้อของแบบลดราคา ซึ่งโอกาสดีที่ไม่มีบ่อย ๆ แบบนี้ ทำให้นักชอปแบรนด์หรูทั่วโลกต่างหลั่งไหลไปชอปปิงในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
บลูมเบิร์กยกตัวอย่างนาฬิกาข้อมือแบรนด์ TAG Heuer คอลเล็กชัน Carrera ในญี่ปุ่น แบบปลอดภาษี 10% มีราคาราว 5,087 ดอลลาร์ (1.87 แสนบาท) ซึ่งถูกกว่าในนิวยอร์ก 1,350 ดอลลาร์ โดยในนิวยอร์กมีราคาอยู่ที่ 6,450 ดอลลาร์ (2.37 แสนบาท)
ราคาที่แตกต่างกันนี้ จึงดึงดูดนักชอปจากทั่วโลกแห่ไปชอปปิงในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบางคนถึงขั้นอยากขายสินค้าหรูของตนเองเพื่อให้ได้กำไร และไม่มีได้มีเพียงสินค้าใหม่ที่ถูกกว่าประเทศอื่นเท่านั้น แต่สินค้าราคาถูกที่เหมือนลดราคานี้ พบเห็นได้ในร้านค้าจำหน่ายสินค้าหรูมือสองหลายแห่งด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ภาวะ "นักท่องเที่ยวล้นเมือง" ก็ทำให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกับคนญี่ปุ่นในพื้นที่ เช่น ปัญหาการทิ้งขยะเกลื่อนกลาด และการไม่เคารพกฎจราจร ส่งผลให้รัฐบาลท้องถิ่นต้องจัดเก็บค่าผ่านทางเข้าชม "ภูเขาไฟฟูจิ" 2,000 เยน (เกือบ 500 บาท) เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.67 นี้ เฉพาะเส้นทางโยชิดะ เพื่อหวังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว