ดินถล่มครั้งใหญ่ ! คาด ชาวปาปัวนิวกินีอาจถูกฝังทั้งเป็นกว่า 2,000 คน
รัฐบาลปาปัวนิวกินี คาดการณ์ว่า อาจมีประชาชนมากกว่า 2,000 คน ถูกฝังใต้ดินทั้งเป็น หลังเผชิญเหตุดินถล่มครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน
สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงรัฐบาลปาปัวนิวกินี รายงานว่า อาจมีประชาชนมากกว่า 2,000 คนถูกฝังทั้งเป็นจากเหตุดินถล่มครั้งใหญ่ในปาปัวนิวกินีเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย และความช่วยเหลือเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างยากลำบาก สร้างความเสี่ยงว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน
สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานจากศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่า อาจมีประชาชนมากถึง 2,000 คน ถูกฝังทั้งเป็น ขณะที่รายงานของยูเอ็น คาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจน้อยกว่านั้นที่ระดับกว่า 670 คน
การคาดการณ์ที่แตกต่างกันนี้ สะท้อนให้เห็นว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกล และยากที่จะคาดเดาจำนวนประชากรที่ได้รับผลกระทบได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ การสำรวจสำมะโนประชากรที่น่าเชื่อของปาปัวนิวกินีล่าสุดคือในปี 2543 และผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตามภูเขาที่อยู่ห่างกันออกไป
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ดินถล่มเกิดขึ้นในหมู่บ้านยัมบาลี (Yambali) ทางภาคเหนือของปาปัวนิวกินี เวลา 03.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่ประชาชนส่วนใหญ่นอนหลับอยู่ ส่งผลให้บ้านเรือนมากกว่า 150 หลังถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังและดินที่ถล่มลงมา ซึ่งสูงเกือบเท่าบ้านสองชั้น
ทีมกู้ภัยเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากใต้พื้นดิน
ด้าน “อีวิต กัมบู” ประชาชนในพื้นที่เล่าว่า สมาชิกครอบครัวทั้ง 18 คนของตนถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ซากปรักหักพังและพื้นดินที่ตนยืนอยู่ และยังมีอีกหลายครอบครัวในหมู่บ้านที่สมาชิกติดอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกัน ซึ่งตนไม่สามารถนับได้
“แต่ก็ไม่สามารถนำศพออกมาได้ คงได้แต่ยืนรออยู่ที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์” กัมบู กล่าว
ส่วนอุปกรณ์หนักและความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เข้าถึงพื้นที่ล่าช้า เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกล ขณะที่สงครามชนเผ่าในบริเวณใกล้เคียง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเดินทางโดยมีทหารคุ้มกัน และต้องเดินทางกลับเมืองหลวงในตอนกลางคืน ซึ่งมีระยะห่างจากพื้นที่ 60 กิโลเมตร
ฝ่ายเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานยูเอ็นเผยว่า เหตุดินถล่มครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บ้านเรือนเสียหาย 30 หลัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนแรกที่ไปช่วย สามารถถึงเร็วสุดในช่วงเย็นวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) จนถึงขณะนี้สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพียง 6 ศพ ขณะที่บ้านเรือนมากกว่า 250 หลังถูกทิ้งร้าง เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกให้ประชาชนอพยพ และตอนนี้มีผู้คนมากกว่า 1,250 คน ต้องพลัดถิ่น
“แมทธิว ฮิววิตต์ ทาปัส” บาทหลวงในกรุงพอร์ตมอร์สบี ที่มีบ้านอยู่ห่างจากหมู่บ้านที่เกิดเหตุราว 20 กิโลเมตร บอกว่า คนจำนวนมากไม่แน่ใจว่าบุคคลที่รักอยู่ที่ใดตอนเกิดดินถล่ม เพราะเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนมักอาศัยตามบ้านของเพื่อนหรือญาติๆ
อย่างไรก็ตาม “เซอร์ฮาน อัคโตปราค” หัวหน้าหน่วยงานย้ายถิ่นฐานของยูเอ็นที่ปฏิบัติภารกิจในปาปัวนิวกินี เผยว่า แม้ทีมกู้ภัยสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ แต่ด้วยปัจจัย ฝน พื้นดินที่ไม่มั่นคง และน้ำที่ไหลตามทาง เสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเมือง และการย้ายซากปรักหักพังต่าง ๆ ของทีมกู้ภัย
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่ดินและซากปรักหักพังอาจเคลื่อนไหวอีกครั้ง
อ้างอิง: Reuters