เยนอ่อน! แห่เที่ยวญี่ปุ่นเกิน 3 ล้านคนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

ข้อมูลจากองค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (JNTO) ชี้ว่า ในเดือนพ.ค. ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำธุรกิจและพักผ่อนในญี่ปุ่น 3.04 ล้านคน พอๆ กับในเดือนเม.ย. และลดลงเล็กน้อยจากเดือนมี.ค.ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ตัวเลขเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 60% และเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. 2562 ซึ่งในปีนั้นก่อนโควิด-19 ระบาด ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวมาเยือนทุบสถิติ 31.9 ล้านคน แต่โควิดทำให้ทั่วโลกต้องปิดประเทศ

นอกจากนี้การที่ เงินเยนอ่อนค่า ต่ำสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ช่วยหนุนให้การท่องเที่ยวเติบโต ถือเป็นข่าวดีต่อเศรษฐกิจ เมื่อนักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.75 ล้านล้านเยน (1.11 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรกของปีนี้

แต่การที่ผู้คนไหลทะลักเข้ามาก่อให้เกิดความกังวลเรื่อง “นักท่องเที่ยวล้น” ในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเช่นกัน เมื่อวันจันทร์ (17 มิ.ย.67) หนังสือพิมพ์อาซาฮีรายงานว่า นายกเทศมนตรีเมืองฮิเมจิทางตะวันตกของประเทศ เสนอเพิ่มค่าธรรมเนียมเข้าปราสาทยุคซามูไรกับชาวต่างชาติสามเท่าจากราคามาตรฐาน 1,000 เยน

เช่นเดียวกับ จ.ยามานาชิ ที่เพิ่มค่าธรรมเนียมขึ้นภูเขาฟูจิเพื่อควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว สัปดาห์นี้นายโคทาโร นางาซากิ ผู้ว่าราชการ จ.ยามานาชิ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ญี่ปุ่นควรเน้นดึง “นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก” มากกว่าเน้นปริมาณ

นักท่องเที่ยวจีน ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้มาเยือนญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่สุด ขณะนี้ยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิดราว 30% แต่นักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นเติบโตขึ้นมาแทน เช่น อินเดีย เดือนพ.ค.เข้ามาทุบสถิติ

ดาเลีย เฟลด์แมน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัททัวริสต์เจแปน กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ลูกค้าจากอินเดียสอบถามข้อมูลมายังบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 11 เท่า จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพิ่มขึ้นเกือบแปดเท่า

“ดูเหมือนอาหารญี่ปุ่น และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติจะดึงดูดพวกเขาได้มากที่สุด ลูกค้าจากอินเดีย และยูเออีส่วนใหญ่มักขอให้เพิ่มฟู้ดทัวร์ และทริปชมพื้นที่โดดเด่นในชนบทมากขึ้นด้วย”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์