‘อีวีจีน’ จ่อครองตลาดโลก 33% ถ้าแบรนด์เจ้าถิ่นไม่ปรับตัว

‘อีวีจีน’  จ่อครองตลาดโลก 33% ถ้าแบรนด์เจ้าถิ่นไม่ปรับตัว

รายงานเผย ‘รถอีวีจีน’ จะครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์โลกถึง 33% ภายในปี 2573 ด้วยกลยุทธ์ ‘ถูก สวย ทันสมัย ผลิตเร็ว’ จ่อกระทบแบรนด์รถยนต์ทั่วโลกถ้าไม่ปรับตัว

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างบริษัทที่ปรึกษาในสหรัฐ อลิกซ์พาร์ทเนอร์ส (AlixPartners) ซึ่งเปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า “ผู้ผลิตรถยนต์จีน”จะขยายกิจการไปยังต่างประเทศอย่างรวดเร็วและสามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์โลก 33% ภายในปี 2573

การเติบโตส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากตลาดนอกประเทศจีน โดยอ้างอิงจากส่วนแบ่งตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 21% ในปีนี้ ส่วนยอดขายรถยนต์จีนนอกประเทศคาดว่าจะพุ่งทะยานจาก 3 ล้านคันในปีนี้ เป็น 9 ล้านคันในปี 2030 ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์จีนนอกประเทศจีน เพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 13% ภายในปลายทศวรรษนี้

 

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของผู้ผลิตรถยนต์จีน กำลังกลายเป็นความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้ผลิตรถยนต์รายเดิมและนักการเมืองทั่วโลก ซึ่งมีความกังวลว่ารถยนต์ราคาประหยัดที่ผลิตในจีนล้นตลาด และส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “รถยนต์ไฟฟ้า”

อลิกซ์พาร์ทเนอร์ส คาดการณ์ว่าแบรนด์รถยนต์จีน จะมีการเติบโตในทุกตลาดทั่วโลก แต่การขยายตัวในตลาดญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ รวมถึงไปถึงสหรัฐจะน้อยกว่า เนื่องจากมาตรฐานความปลอดภัยรถยนต์ที่เข้มงวดกว่า รวมถึงการประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน สูงถึง 102.5%

 

มาร์ค เวคฟิลด์ หัวหน้าร่วมฝ่ายปฏิบัติการด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมระดับโลกของ AlixPartners กล่าวในแถลงการณ์ว่า “จีนกำลังเป็นผู้ขัดขวางรายใหม่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยความสามารถในการสร้างรถยนต์รุ่นเด่นที่ตอบสนองความต้องการ และเข้าสู่ตลาดได้รวดเร็ว ราคาซื้อถูกกว่า มีเทคโนโลยีและการออกแบบที่ล้ำสมัย รวมถึงมีประสิทธิภาพในการผลิต”

AlixPartners  คาดการณ์ว่าผู้ผลิตรถยนต์จีนจะครองส่วนแบ่งการตลาดเพียง 3% ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเม็กซิโก โดยภายในปี 2573 จะมีรถยนต์หนึ่งในห้าคันของรถยนต์ที่จำหน่ายในเม็กซิโกจะเป็นแบรนด์จีน รวมไปถึงในภูมิภาคสำคัญอื่นๆ ทั่วโลก คาดว่าส่วนแบ่งของผู้ผลิตรถยนต์จีนจะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งรวมถึงพื้นที่อเมริกลางและใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาด้วย

แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์จีนเองก็กำลังครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศ โดยรายงานคาดว่าส่วนแบ่งตลาดจะเติบโต 59% ถึง 72% ซึ่งส่งผลกระทบต่อแบรนด์เจ้าเก่าอย่าง ‘เจนเนอรัลมอเตอร์’(General Motors) ที่เสียส่วนแบ่งตลาดอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศจีนและบริษัทต่างๆ เช่น บีวายดี (BYD) จีลี่ (Geely) และ นีโอ (Nio)

ในฝั่ง “ยุโรป” ผู้ผลิตรถยนต์จีนก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รายงานคาดว่าส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์รถยนต์จีนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จาก 6% เป็น 12% ภายในปี 2573

ปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนขยายตัวได้อย่างรวดเร็วนั้นมาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า กลยุทธ์การผลิตภายในประเทศเพื่อรองรับการขายในแต่ละตลาด และรถยนต์จีนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาดีไซน์ที่โดดเด่นและความสดใหม่

แอนดรูว์ เบิร์กบัม จากอาลิกซ์พาร์ทเนอร์สมองว่าบริษัทผลิตรถยนต์ที่จะดำเนินธุรกิจตามแผนเดิมจะยิ่งได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะกำลังถอยหลังไปสู่ความล้าสมัย

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เร็วกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายเดิม โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20 เดือน จากปกติที่ใช้เวลา 40 เดือน ความรวดเร็วนี้เกิดจากการออกแบบและทดสอบให้เพียงพอต่อมาตรฐาน แทนที่จะเน้นการออกแบบมากเกินความจำเป็น รวมไปถึงต้นทุนการผลิตของจีนที่ต่ำกว่า 35%

เวคฟิลด์กล่าวว่า เพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์รายเดิมสามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์จีนได้ จำเป็นต้องคิดทบทวนกระบวนการพัฒนธุรกิจและเร่งความเร็วในการพัฒนารถยนต์มากกว่านี้

อ้างอิง CNBC