เป๊ปซี่เผชิญแรงกดดัน! ยอดขายไตรมาส 2 ต่ำคาด ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ‘รัดเข็มขัด’
‘เป๊ปซี่โค’ เผชิญแรงบีบจากภาวะเงินเฟ้อพุ่ง กดยอดขายไตรมาส 2 ของบริษัทต่ำคาด บริษัทจึงขึ้นราคาสินค้าตาม เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า “เป๊ปซี่โค” (PepsiCo) บริษัทอาหาร ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มข้ามชาติสัญชาติอเมริกัน กำลังเผชิญแรงกระแทกทางรายได้ จากการที่ผู้บริโภคประสบกับแรงกดดันจากราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น และค่าแรงที่ไม่เพิ่มขึ้นตาม จนทำให้รายได้ประจำไตรมาสที่สองของเป๊ปซี่ไดเอท และมันฝรั่งทอดกรอบ Tostitos ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
รามอน ลากูอาร์ตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเครื่องดื่มเป๊ปซี่ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวอเมริกันในทุกระดับรายได้ มีความอ่อนไหวต่อราคามากขึ้น โดยไม่ได้มีเพียงผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยเท่านั้นที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนยี่ห้อหรือลดการซื้อสินค้าลง เมื่อราคาสูงขึ้น
ลากูอาร์ตาเสริมว่า "ผู้บริโภคต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ราคาสูงขึ้นมาก รายได้ที่เหลือใช้ก็ตึงมือไปหมด ไม่ได้กระทบเพียงผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยเท่านั้น แต่ส่งผลไปทั่วทุกกลุ่ม"
ขณะเดียวกัน บริษัท PepsiCo ก็ปรับขึ้นราคาสินค้าเป็นเลขสองหลักทั้งในช่วงและหลังการแพร่ระบาด เพื่อชดเชยต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายชั่วอายุคน โดยได้ขึ้นราคาสินค้าโดยรวม 5% ในไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุดวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งช่วยรักษาอัตรากำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
PepsiCo กล่าวในแถลงการณ์ที่เตรียมไว้เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.67) ว่า ต้นทุนเริ่มลดลงแล้ว โดยดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนมิถุนายน แต่บางรายการ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ยังคงอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ซีอีโอเป๊ปซี่ได้ให้ความเห็นอีกว่า ผู้บริโภคที่มีรายได้สูง กำลังลดการรับประทานอาหารนอกบ้านที่ร้านราคาแพง และหันไปรับประทานที่ร้านอาหารราคาถูกแทน หรือเลือกที่จะไม่รับประทานนอกบ้าน และเลือกหันไปหาความบันเทิงที่บ้านแทน
อ้างอิง: reuters
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์