‘Coca-Cola’ คว้าแชมป์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มูลค่าสูงสุดในโลก

‘Coca-Cola’ คว้าแชมป์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มูลค่าสูงสุดในโลก

“โคคา-โคล่า” ยืนหนึ่ง “เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์” มูลค่าสูงสุดในโลก 33,468 ล้านดอลลาร์ ด้าน “เป๊ปซี่” มาเป็นอันดับสอง 18,335 ล้านดอลลาร์ โดย “เรดบูล” ที่มีคนไทยร่วมก่อตั้งอยู่ในอันดับสาม 6,962 ล้านดอลลาร์

เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ เพราะมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ชา กาแฟ และน้ำหวานต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นตลาดใหญ่ที่มีผู้เล่นเป็นจำนวนมากทั้งรายใหญ่และรายย่อย รวมถึงมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพราะบางแบรนด์ก็มีผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก

แน่นอนว่าด้วยความเป็นตลาดใหญ่และมีผู้เล่นกระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลกก็ย่อมมีการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับแรกๆ ของโลกในแต่ละปีเป็นธรรมดา และจากข้อมูลล่าสุดของ Brandirectory เว็บไซต์รวบรวมการจัดอันดับข้อมูลของแบรนด์กว่า 5,000 แบรนด์ทั่วโลกที่เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2007 พบว่า แบรนด์ที่อยู่ในอันดับหนึ่งก็คือ “Coca-Cola” ตามมาด้วย “Pepsi” ซึ่งทั้งสองแบรนด์เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ที่มี “น้ำอัดลม” เป็นสินค้าชูโรงและมีอายุมากกว่า 100 ปีทั้งคู่ และสำหรับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทั้งหมด 5 อันดับที่มีมูลค่าสูงที่สุดมีดังนี้

อันดับ 1 Coca-Cola มูลค่า 33,468 ล้านดอลลาร์

Coca-Cola (โคคา-โคล่า) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Coke ถูกเสิร์ฟครั้งแรกในฐานะเครื่องดื่มเมื่อปี 1886 โดย ดร. จอห์น เพมเบอร์ตัน เสิร์ฟ (Dr. John Pemberton) ที่ร้านขายยาในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ในตอนนั้นเครื่องดื่มดังกล่าวมีลักษณะคล้ายน้ำหวานแต่มีความซ่า และมีการจำหน่ายเพียง 9 แก้วต่อวัน แต่หลังจากนั้นเครื่องดื่มชนิดนี้ก็ได้รับการพูดถึงกันในวงกว้างและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นในปี 1892 ก็มีการเปิด บริษัท โคคา-โคล่า ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และไม่ได้ผลิตเพียงแค่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อย่างเดียว ยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเช่นกัน แต่น้ำอัดลมเป็นสินค้าที่ได้ความนิยมมากที่สุดอย่างต่อเนื่อง จนทำให้จอห์นที่ตอนแรกตั้งใจจะเปิดตัวในธุรกิจร้านขายยา พลิกมาเป็นธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ครองตลาดทั่วโลกในศตวรรษที่ 20

ปัจจุบันนี้ โคคา-โคล่า วางขายไป 200 ประเทศทั่วโลกรวมถึงเขตการปกครองพิเศษต่างๆ และมีพนักงานรวมทั้งหมดกว่า 700,000 คน และที่สำคัญส่วนผสมหลักยังคงเป็นความลับตลอดมา

อันดับ 2 Pepsi มูลค่า 18,335 ล้านดอลลาร์

Pepsi Cola (เป๊ปซี่ โคล่า) เกิดขึ้นในปี 1893 โดย คาเลบ แบรดแฮม (Caleb Bradham) เภสัชกรหนุ่มจากนิวเบิร์น รัฐนอร์ทแคโรไลนา ด้วยการลองทำเครื่องดื่มในรูปแบบน้ำอัดลมหลายชนิดให้เพื่อนๆ ของเขาได้ชิมภายในร้านขายยาของเขาเอง หลังจากนั้นเขาก็พัฒนาเครื่องดื่มให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และเปิดตัวในชื่อ Brad’s Drink ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เป๊ปซี่-โคล่า ในปี 1898 ก่อนจะย่อชื่อเป็น “เป๊ปซี่” ในปี 1961 เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ

ในปี 1902 เครื่องดื่มของคาเลบได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทำให้เขาทุ่มเทแรงทั้งหมดให้ธุรกิจนี้จนสามารถยื่นขอเครื่องหมายการค้าจากสำนักงานสิทธิบัตรของอเมริกาได้ และก่อตั้ง บริษัท เป๊ปซี่ โคล่า ขึ้นได้สำเร็จ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เป็ปซี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็เพราะมีการตีพิมพ์โฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ New Bern Weekly Journal

อันดับ 3 Red Bull มูลค่า 6,962 ล้านดอลลาร์

Red Bull” เป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่จัดจำหน่ายโดย เรดบูลจีเอ็มบีเอช (Red Bull GmbH) ที่แม้จะเป็นบริษัทสัญชาติออสเตรีย แต่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศไทยในปี 1976 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “กระทิงแดง” ที่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านการแข่งขันกีฬาอยู่เสมอ เนื่องจากช่วงแรกเน้นตีตลาดผู้ใช้แรงงานและนักศึกษา แต่ต่อมาก็มีชื่อเสียงในระดับสากลทำให้ เฉลียว อยู่วิทยา และ ดีทริช เมเทสซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) ร่วมกันคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้มีรสชาติถูกปากชาวต่างชาติมากขึ้น

ต่อมาในปี 1984 ทั้งคู่ได้ตั้งบริษัท เรดบูล จีเอ็มบีเอช ขึ้นที่ออสเตรีย พร้อมทั้งออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องขายในยุโรปเป็นครั้งแรกในปี 1987 ก่อนจะขยายไปในอเมริกาในปี 1996 และยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงยังเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้รายการแข่งขันกีฬาใหญ่ระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะ MotoGP และ F1

อันดับ 4 Monster มูลค่า 6,788 ล้านดอลลาร์

Monster Energy” หรือ มอนส์เตอร์ เป็นเครื่องดื่มชูกำลังอีกหนึ่งแบรนด์ที่ติดโผมาใน 5 อันดับแรก ผลิตโดย บริษัท แฮนเซน เนเชอรัล ในปี 2002 และหลังจากการก่อตั้งเพียงไม่นาน ในปี 2022 ที่ผ่านมามอนส์เตอร์มีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 30 ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอเมริกา ถือว่าสูงเป็นอันดับ 2 รองจาก เรดบูล ณ ตอนนั้น

ไม่ใช่แค่เรื่องดื่มชูกำลังเท่านั้น แต่สินค้าในเครือมอนส์เตอร์ยังมีอีกหลายชนิดด้วยกัน เช่น ชา, กาแฟ และน้ำผลไม้ เป็นต้น แต่ด้วยความที่แบรนด์โดดเด่นในเรื่องของเครื่องดื่มชูกำลังทำให้มอนส์เตอร์เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬามากมายไม่แพ้เรดบูล

อันดับ 5 Nescafé มูลค่า 6,005 ล้านดอลลาร์

Nescafé” หรือ เนสกาแฟ สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ มีจุดเริ่มต้นในปี 1929 เมื่อ หลุยส์ แดปเพิลส์ (Louis Dapples) ประธานคณะกรรมการบริหารของ Nestlé (เนสท์เล่) ในขณะนั้น ได้รับคำขอพิเศษจากบราซิล ให้ช่วยรับมือกับกาแฟส่วนเกินจำนวนมหาศาลในประเทศ โดยเสนอให้เนสท์เล่สร้างผลิตภัณฑ์กาแฟที่ผลิตได้รวดเร็วและยังช่วยลดปริมาณของเสียที่ไม่จำเป็นจากการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟของบราซิล จนกลายเป็นกาแฟสำเร็จรูปอย่างที่ได้เห็นกันในปัจจุบันที่ใช้เวลาพัฒนาและปรับปรุงสูตรนานถึง 7 ปี โดยนักเคมี แม็กซ์ มอร์เกนทาเลอร์ (Max Morgenthaler) 

หลังจากนั้นเนสกาแฟก็ได้เปิดตัวตราสินค้ากาแฟนำร่องอย่างเป็นครั้งแรกในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 1938 และในปี 1940 เนสกาแฟถูกจำหน่ายไปใน 30 ประเทศทั่วโลก หลังจากนั้นในปี 1962 แบรนด์ก็เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากกระป๋องมาเป็นขวดแก้วที่มีความทนทานมากขึ้น รวมถึงมีการเปิดตัว Nescafé Gold ในยุโรปและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีทำให้มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามออกมาเป็นจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน

ถือว่าเป็นตลาดที่น่าจับตามองไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ สำหรับ “เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์” ที่หากสังเกตดีๆ แล้ว ใน 5 อันดับแรก มีแบรนด์จากอเมริกาติดอันดับมาถึง 3 แบรนด์ ก็อาจเรียกได้ว่า โคคา-โคล่า, เป๊ปซี่ และ มอนส์เตอร์ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อเมริกากลายเป็นเจ้าตลาดของเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

อ้างอิงข้อมูล : Brandirectory, Coca-Cola, Pepsi, Red Bull, Monster และ Nescafé