EV เวียดนามไม่ถึงฝัน? Vinfast เลื่อนเปิดโรงงานในสหรัฐ 3 ปี
รถอีวีหนึ่งเดียวจากเวียดนาม 'วินฟาสต์' ประกาศเลื่อนแผนเปิดโรงงานผลิตในสหรัฐไปอีก 3 ปี พร้อมลดเป้าหมายยอดขายรายปี ขอปรับแผนให้ตรงกับความเป็นจริง เล็งมุ่งเติบโตระยะสั้นในตลาดที่มีศักยภาพแทน
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งเดียวจากเวียดนาม "วินฟาสต์" (Vinfast) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (13 ก.ค.) ว่าบริษัทจะ "เลื่อน" การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีวีในประเทศสหรัฐ ออกไปจากกำหนดการเดิมอีก 3 ปี เป็นปี 2571 พร้อมลดเป้าหมายยอดขายจาก 1 แสนคันต่อปี ลงมาอยู่ที่ 8 หมื่นคันต่อปี
เล ถิ ทู ถวี (Le Thi Thu Thuy) ประธานบริษัทวินฟาสต์ระบุในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการรายจ่ายระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมุ่งไปที่การมุ่งเติบโตในระยะสั้นก่อน
"เราปรับมุมมองให้รอบคอบมากขึ้นเพื่อรับมือกับอุปสรรคในระยะสั้นอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงความเป็นจริงของตลาดที่มีความผันผวนและความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายล่าสุดที่บริษัทสัญชาติเวียดนามต้องเผชิญในความพยายามก้าวสู่ระดับโลก
บลูมเบิร์กระบุว่าการเลื่อนเปิดโรงงานผลิตที่รัฐนอร์ธ แคโรไลนาในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นความยากลำบากของบริษัทรถอีวีรายเล็กที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ในการจะก้าวไปสู่ตลาดระดับโลกท่ามกลางสภาพตลาดรถยนต์อีวีที่ย่ำแย่ลงในปีที่ผ่านมา
ในรายงานแนวโน้มตลาดรถยนต์อีวีประจำปีล่าสุดของ BloombergNEF ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายอีวีทั่วโลกว่าจะลดลงถึง 6.7 ล้านคัน ไปจนถึงปี 2569 โดยจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 16.7 ล้านคันในปีนี้ ในขณะที่ค่ายรถยนต์ระดับโลกหลายราย อาทิ ฟอร์ด มอเตอร์, โฟล์คสวาเกน, เจนเนอรัล มอเตอร์ส และแม้แต่เบอร์ 1 ของรถอีวีอย่าง "เทสลา" ก็ยังต้องปรับแผนทบทวนเป้าหมายกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
สำหรับวินฟาสต์นั้นนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว และทำราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปถึงกว่า 700% ภายใน 2 สัปดาห์ ราคาหุ้นรถไฟฟ้าเวียดนามก็ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยลดลงมากกว่า 90% จากช่วงที่เคยแตะจุดสูงสุด
"วินฟาสต์จะมุ่งไปที่โอกาสระยะสั้นในตลาดที่มีศักยภาพเป็นรายประเทศ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเงินทุนและทรัพยากรได้ดีที่ที่สุด ขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น" แถลงการณ์ของวินฟาสต์ระบุ
เจ้าของเพิ่งเปิดใจจะทุ่มทุกอย่างที่มีให้ Vinfast
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือนมิ.ย. “ฝ่าม เญิ๊ต เวือง” (Pham Nhat Vuong) มหาเศรษฐีอันดับ 1 เวียดนาม วัย 55 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งวินฟาสต์และเป็นซีอีโอในปัจจุบัน ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับบลูมเบิร์กถึงการทุ่มเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามที่ปั้นมากับมือ โดยย้ำว่าจะทุ่มทุกอย่างที่มีให้กับวินฟาสต์ แม้ว่าสถานการณ์ในตลาดจะย่ำแย่ลงก็ตาม
“ผมจะสนับสนุนต่อไปจนกว่าเงินจะหมด VinFast จะก้าวไปสู่จุดคุ้มทุนในเร็วๆ นี้และสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้” ฝ่าม เญิ๊ต เวืองกล่าว
ทั้งนี้ วินฟาสต์เริ่มจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐเมื่อปี 2566 แต่กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการไปยืนบนเวทีระดับโลก ทั้งคู่แข่งจากจีนที่กำลังเร่งการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลงเรื่อยๆ และการแข่งขันจาก Tesla ที่กำลังลดราคาลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ซบเซาลง ในขณะที่ "เสียงวิพากษ์วิจารณ์" รถยนต์วินฟาสต์รุ่นแรกในสหรัฐค่อนข้างรุนแรง ทั้งปัญหาไฟเลี้ยวที่ทำงานผิดปกติ และระบบควบคุมอากาศภายในรถที่ไม่เสถียร
ในช่วงสามเดือนแรกของปี วินฟาสต์ส่งมอบรถยนต์ได้เพียง 9,689 คัน ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 100,000 คัน โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถขายรถยนต์ได้เพียงประมาณ 35,000 คัน ซึ่งส่วนใหญ่ขายให้กับบริษัทแท็กซี่ในเครือของวินกรุ๊ป
ที่ผ่านมา วินฟาสต์ได้รับเงินทุนจาก Vingroup บริษัทแม่ และผู้ให้กู้ภายนอกรวมเป็นเงินมูลค่าประมาณ 12.9 พันล้านดอลลาร์ เงินทุนนี้ถูกใช้เพื่อการดำเนินงานและการลงทุนของวินฟาสต์ระหว่างปี 2560 ถึงปัจจุบัน