วิเคราะห์ ‘แบงก์ชาติจีน’ซื้อ’ทองคำ’ต่อหรือไม่ ในช่วงครึ่งปีหลัง
วิเคราะห์’แบงก์ชาติจีน’รายใหญ่ซื้อทองเข้าคลังสำรอง 18 เดือนติด จนแตะระดับ 2,264.3 ตัน จะยังคงซื้อต่อไปหรือไม่? กูรู ชี้มีโอกาส เหตุจีนอาจมองเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงแทน‘ดอลลาร์‘
KEY
POINTS
- จีนมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 22% นับตั้งแต่สิ้นปี 2561 เป็น 2,264.3 ตัน
- จีนมีทองคำในคลังสำรอง 5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศเกิดใหม่ที่มักจะมีทุนสำรองในรูปของทองคำอยู่ที่ประมาณ 20%
- ทองคำเป็นวิธีที่ PBOC มองว่ามีประสิทธิภาพในการกระจายความเสี่ยงและถ่วงดุลอำนาจให้ค่าเงิน"หยวน"
สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรายงานว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) กลายเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ และการที่มีสัดส่วนการถือครองทองคำที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ยังมีช่องว่างในการสะสมเพิ่มเติม
ตามรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) เผยว่า PBOC ได้ทำการซื้อทองคำสุทธิสูงถึง 224.9 ตัน คิดเป็นประมาณ 5% ของอุปสงค์ทองคำทั่วโลกในปี 2566 ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง และเป็นหนึ่งในปริมาณการซื้อทองคำที่มากที่สุดของธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกในปีนั้น
นอกจากนี้ PBOC ยังคงซื้อทองคำต่องเนื่อง โดยซื้อสุทธิ 28.9 ตัน ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นรองแค่ธนาคารกลางตุรกีเท่านั้น แม้ว่าการซื้อจะชะลอตัวในเดือนพ.ค.และมิ.ย. สอดคล้องกับช่วงที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย. จีนมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 22% นับตั้งแต่สิ้นปี 2561 เป็น 2,264.3 ตัน
นิโคส คาวาลีส จาก Metals Focus ในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า สำหรับผู้บริโภคชาวจีน การที่แบงก์ชาติจีนซื้อทองคำเพิ่มขึ้นทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการลงทุนในทองคำ
ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึง PBOC มักจะมีการถือครองทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองทั้งหมด นอกจากทองคำแล้ว ทุนสำรองเหล่านี้ยังประกอบไปด้วยเงินตราต่างประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ทำให้ดอลลาร์สหรัฐมีสถานะเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก
PBOC เพิ่มการถือครองทองคำอย่างรวดเร็วในปี 2558 และ 2559 โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 800 ตันในช่วง 2 ปีนั้น การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐตึงเครียด และมีการคาดการณ์ว่าจีนอาจลดสัดส่วนของดอลลาร์ในทุนสำรองของประเทศ
การซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนพ.ย.2565 โดยมีการซื้อติดต่อกัน 18 เดือนติด จนถึงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณสำรองเพิ่มขึ้น 316 ตัน ซึ่งสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของประเทศตะวันตกในการอายัดสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ของรัสเซียเพื่อตอบโต้การบุกยูเครนของรัสเซีย
‘จีน’ยังมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนทองคำ
แคมป์เบล ฮาร์วีย์ ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย Duke มองว่า สถานการณ์นี้อาจทำให้จีนตระหนักถึงการใช้ทองคำเป็นการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งปกติแล้วทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ
แม้ว่า PBOC เพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อพิจารณาจากข้อมูลของ WGC แล้ว ปริมาณทองคำสำรองของจีนยังไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยจีนถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 7 ของประเทศและสถาบันสำคัญที่ถือครองทองคำมากที่สุดซึ่งเป็นรองรัสเซีย ในขณะที่สหรัฐถือครองทองคำมากที่สุดในโลก มากกว่าจีนถึง 4 เท่า
เป็นประเทศที่มีปริมาณทองคำสำรองสูงเป็นอันดับสอง รองจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีปริมาณทองคำมากกว่าจีนเกือบ 4 เท่า
ดังนั้น ฮาร์วีย์ มองว่าตัวเลขนี้สะท้อนได้ว่า PBOC มีอิสระที่จะเพิ่มปริมาณสำรองต่อไปได้ เนื่องจาก ทองคำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับ PBOC ในการกระจายความเสี่ยงให้กับสกุลเงินในประเทศอย่าง "หยวน"
อารอน ชาน นักยุทธศาสตร์ด้านทองคำจาก State Street Global Advisors ระบุว่า โดยทั่วไปแล้ว ประเทศตลาดเกิดใหม่มักจะมีทุนสำรองในรูปของทองคำอยู่ที่ประมาณ 20% ของทุนสำรองทั้งหมด ด้วยสัดส่วนการถือครองทองคำปัจจุบันของจีนที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนี้ จึงถือได้ว่าจีนยังมีช่องว่างในการเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำได้อีกมากในระยะยาว
ความเสี่ยงทางการคลังและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้จีนกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มการซื้อทองคำของ PBOC ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองของสหรัฐ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเจรจาเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง ซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเงิน
อ้างอิง Nikkei