จับจุดยืนสหรัฐ-อิสราเอล 'แฮร์ริส' โหดกับเนทันยาฮู

จับจุดยืนสหรัฐ-อิสราเอล 'แฮร์ริส' โหดกับเนทันยาฮู

รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสของสหรัฐกดดันนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ให้ช่วยบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกาซา เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของพลเรือนชาวปาเลสไตน์ ถือได้ว่าเธอมีท่าทีแข็งกร้าวมากกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน หลังพบกันตัวต่อตัวกับเนทันยาฮูที่วอชิงตัน เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ค.) แฮร์ริส มีแถลงการณ์ถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์

“ถึงเวลาแล้วที่สงครามนี้ต้องยุติ” แฮร์ริสว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดี หลังจากไบเดนประกาศถอนตัวเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) พูดอย่างไม่อ้อมค้อมถึงวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในกาซา ผลพวงจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังฮามาสที่ยืดเยื้อมานานเก้าเดือน

“เราไม่อาจปล่อยให้ตัวเองด้านชาไปกับความเจ็บปวด และดิฉันจะไม่ยอมเงียบเฉย” รองประธานาธิบดีสหรัฐย้ำ

ความเห็นของแฮร์ริสทั้งตรงไปตรงมาและจริงจัง ก่อให้เกิดคำถามเพิ่มขึ้นมากว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. เธอจะแข็งกร้าวกับเนทันยาฮูมากขึ้นหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์ไม่คาดว่านโยบายของสหรัฐต่ออิสราเอลพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดในตะวันออกกลางจะเปลี่ยนแปลงมากนัก

ความขัดแย้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 เมื่อกองกำลังฮามาสบุกเข้าไปโจมตีภาคใต้ของอิสราเอล คร่าชีวิตประชาชน 1,200 คน จับเป็นตัวประกันอีกกว่า 250 คน อิสราเอลจึงต้องโจมตีกาซาตอบโต้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 39,000 คน และเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมในกาซา ผู้คนต้องหนีออกจากบ้านเรือน เกิดภาวะอดอยากหิวโหย ขาดแคลนสิ่งของบรรเทาทุกข์

  ก่อนหน้าแฮร์ริส ไบเดนพบกับเนทันยาฮูก่อน เอกสารผลการประชุมของทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดนแจ้งกับนายกฯ อิสราเอลเขาจำเป็นต้องปิดช่องว่างเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและขจัดอุปสรรคขัดขวางการส่งความช่วยเหลือ

และหลังจากพบกับผู้นำรัฐบาล เนทันยาฮูยังได้เจอกับโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งของแฮร์ริสจากพรรครีพับลิกัน ในวันศุกร์ (26 ก.ค.) ที่คลับมาร์อลาโกของทรัมป์ ในฟลอริดา

ทั้งนี้ การเจรจาหยุดยิงในกาซาดำเนินมาหลายเดือนแล้ว ทางการสหรัฐเชื่อว่าภาคีที่เกี่ยวข้องใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงหกสัปดาห์ แลกกับฮามาสปล่อยตัวประกันหญิง คนป่วย คนชรา และผู้ได้รับบาดเจ็บ ในวันพฤหัสบดีแฮร์ริสพูดถึงเรื่องนี้ด้วย

“ยังมีความหวังในการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงนี้ และอย่างที่ดิฉันเพิ่งบอกท่านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ถึงเวลาต้องทำดีลนี้ให้สำเร็จ” แฮร์ริสกล่าว

แม้ว่าในฐานะรองประธานาธิบดีเธอต้องพูดเสียงเดียวกับไบเดนที่สนับสนุนสิทธิการป้องกันตนเองของอิสราเอลอย่างแข็งขัน แต่ล่าสุดแฮร์ริสแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า เธอกำลังหมดความอดทนกับแนวทางการทหารของอิสราเอลเต็มที

“อิสราเอลมีสิทธิป้องกันตนเอง และวิธีการทำก็สำคัญมาก” แฮร์ริสกล่าว

เมื่อเดือน มี.ค. เธอประกาศอย่างไม่ไว้หน้าว่า อิสราเอลไม่ได้ลงมือบรรเทา “หายนะด้านมนุษยธรรม” ได้มากพอระหว่างการรุกรบกาซาทางบก และเธอยังพูดถึง “ผลที่จะตามมา” ต่ออิสราเอล ถ้ารุกรานราฟาห์เต็มรูปแบบ พื้นที่แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกาซาอัดแน่นไปด้วยผู้ลี้ภัย

กล่าวได้ว่า ความขัดแย้งในกาซาสร้างความแตกแยกภายในพรรคเดโมแครตและจุดชนวนให้เกิดการประท้วงไบเดน การสนับสนุนที่ลดลงในหมู่ชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับอาจทำลายโอกาสของพรรคในรัฐมิชิแกน หนึ่งในไม่กี่รัฐที่อาจเป็นตัวตัดสินการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.

แฮร์ริสรู้ดีถึงข้อกังวลนี้จึงวอนชาวอเมริกันให้ช่วยกัน “ส่งเสริมความพยายามทำความเข้าใจถึงความซับซ้อน ละเอียดอ่อน และประวัติศาสตร์ของภูมิภาค”

แฮร์ริสยังคงมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเดโมแครตหัวก้าวหน้า ที่บางคนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไบเดนกำหนดเงื่อนไขในการส่งอาวุธไปให้อิสราเอล ด้วยกังวลเรื่องจำนวนพลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิต สหรัฐเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ให้อิสราเอลและปกป้องอิสราเอลให้รอดพ้นจากการลงมติสำคัญในสหประชาชาติ หากแฮร์ริสได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเส้นทางของเนทันยาฮูคงไม่ง่ายเหมือนเดิม