‘Shopee’ ขึ้นค่าธรรมเนียมผู้ขาย! สูงกว่า TikTok และ Temu หวังดันอัตรากำไร

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท Sea Ltd. เจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “ช้อปปี้” (Shopee) ได้ “ปรับขึ้นค่าธรรมเนียม” ที่เรียกเก็บจากผู้ค้าเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งในสามนับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนความพยายามของผู้นำอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนรายนี้ในการผลักดันกำไรสุทธิ

การเคลื่อนไหวดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของ Sea ในการรักษาผู้ค้าในตลาดหลัก แม้จะเผชิญการแข่งขันจาก TikTok, Temu และ Lazada ที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซคล้ายกันก็ตาม

ตามรายงานของ JPMorgan ระบุว่า ปัจจุบัน ค่าธรรมเนียมของ Shopee สูงกว่าคู่แข่ง โดยค่าธรรมเนียมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 13% ในเดือนกรกฎาคม จากเดิม 10% ขณะที่ TikTok เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุด 8% และ Lazada สูงสุด 10%

ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมแสดงให้เห็นว่า Sea ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ มั่นใจในความสามารถของตนในการเป็นพันธมิตรที่สำคัญกับผู้ค้า โดยได้รับแรงหนุนจากฐานผู้ใช้ที่กว้างขวาง และมีบริการจัดส่งที่ครอบคลุม 

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ถือว่ามีความเสี่ยง เนื่องจาก “เทมู” (Temu) ของพีดีดี โฮลดิ้งส์ อิงค์ และ “ติ๊กต็อก” (TikTok) ของไบต์แดนซ์ มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้ขายอาจย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่นหากมองว่าบริการของ Sea มีราคาแพงเกินไป

สำหรับผลประกอบการ Sea เป็นที่คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิในไตรมาสที่สอง (สิ้นสุดเดือนมิถุนายน) จะลดลง 82% เหลือเพียง 60 ล้านดอลลาร์ ตามการคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ แม้ว่ารายรับถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% ก็ตาม ขณะที่ยอดขายสินค้าออนไลน์รวมที่คำนวณจากจำนวนชิ้นที่ขายได้คูณกับราคาขายของ Shopee หรือมูลค่าสินค้าที่ขายได้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 24.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยกำหนดการรายงานผลประกอบการคือ วันอังคารก่อนตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการ 

สำหรับ Shopee ของ Sea ถือเป็นผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่นับวัน คู่แข่งรายใหม่ที่เข้ามาสู่ภูมิภาคที่มีประชากร 675 ล้านคนนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ  ซึ่งนอกจากเผชิญคู่แข่งจาก Temu และ TikTok แล้ว Shopee ยังเผชิญการแข่งขันจาก Shein และ Lazada 

อ้างอิง: bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์