‘Walmart’ จ่อทิ้งหุ้นจีน ‘JD.com’ 1.2 แสนล้าน ปิดฉากความร่วมมือ 8 ปี

‘Walmart’ จ่อทิ้งหุ้นจีน ‘JD.com’ 1.2 แสนล้าน ปิดฉากความร่วมมือ 8 ปี

‘Walmart’ เตรียมเทขายหุ้น ‘JD.com’ มูลค่ากว่า 3,600 ล้านดอลลาร์ สิ้นสุดความร่วมมือยาวนาน 8 ปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปั่นป่วน ท่ามกลางตลาดอีคอมเมิร์ซจีนที่เผชิญกับความท้าทายมากมาย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “วอลมาร์ท” (Walmart) บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เล็งเทขาย หุ้นจีน ที่ถืออยู่ใน “JD.com” ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนออก โดยคาดว่า Walmart จะได้รับเงินจากการขายนี้ราว 3,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.2 แสนล้านบาท และถือเป็นการยุติความร่วมมือที่ยาวนาน 8 ปี เนื่องจากผลตอบแทนจาก JD.com ลดลงท่ามกลางสภาวะท้าทายของตลาดอีคอมเมิร์ซจีน

ทั้งนี้  Walmart จะขายหุ้นไป 144.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24.95 ดอลลาร์ ตามที่บุคคลใกล้ชิดกับเรื่องนี้เปิดเผยกับบลูมเบิร์ก

ขณะที่ หุ้น JD.com ที่จดทะเบียนในฮ่องกงร่วงลง 11% ในช่วงเปิดตลาดวันพุธ นำไปสู่การเทขายเหล่าหุ้นอีคอมเมิร์ซ และเทคโนโลยีจีนในวงกว้าง ในตอนนี้ วอลมาร์ทกำลังปรับกลยุทธ์ในจีน ซึ่ง JD.com พันธมิตรด้านอีคอมเมิร์ซมายาวนานของ Walmart กำลังประสบปัญหา เช่นเดียวกับคู่แข่งแบบดั้งเดิมอย่าง Alibaba และ Temu 

ปัจจัยที่ Walmart ตัดสินใจเล็งเท JD.com เพราะบริษัทได้เปิด Sam’s Club ซึ่งเป็นธุรกิจคลังสินค้าขายส่งราคาถูกขึ้น ช่วยเป็นอีกช่องทางในการแข่งขันบนเวทีอีคอมเมิร์ซจีน อีกทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซจีนเผชิญกับผลกระทบจากปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ความผันผวนของตลาด และโอกาสในการทำงานที่ไม่แน่นอนในจีน

“ผมคาดว่า Walmart จะผิดหวังกับม้าที่พวกเขาเลือก" มาร์ค ทนเนอร์ ผู้จัดการทั่วไปของเอเจนซีการตลาด China Skinny กล่าว “ดูเหมือนว่าความทะเยอทะยานเดิมไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ในช่วงเวลาของการเข้าซื้อกิจการ”

แฟรนไชส์ Sam’s Club ของวอลมาร์ทเป็นจุดสว่างสำหรับบริษัท ทำให้เป็นห้างสรรพสินค้าเพียงแห่งเดียวที่รายงานการเติบโตของยอดขายในปีที่ผ่านมาท่ามกลางผู้เล่นอันดับต้นๆ 5 ราย ตามข้อมูลจากสมาคมห่วงโซ่ร้านค้า และแฟรนไชส์จีน 

การยุติความร่วมมือระหว่าง Walmart และ JD เป็นไปตามรูปแบบทั่วไปของธุรกิจค้าปลีกที่ผสานช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ เนื่องจากความพยายามที่จะสร้างประสบการณ์การชอปปิงที่ไร้รอยต่อระหว่างโลกออนไลน์ และออฟไลน์นั้นยังไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยเมื่อต้นปีนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่าอาลีบาบากำลังพิจารณาขายธุรกิจห้างสรรพสินค้า InTime ของตนเช่นกัน

อ้างอิง: bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์