‘สี จิ้นผิง’ พบ ‘ซัลลิแวน’ ย้ำ จีนมุ่งมั่นพัฒนาสัมพันธ์กับ 'สหรัฐ' มั่นคง-ยั่งยืนไม่เปลี่ยน

‘สี จิ้นผิง’ พบ ‘ซัลลิแวน’ ย้ำ จีนมุ่งมั่นพัฒนาสัมพันธ์กับ 'สหรัฐ' มั่นคง-ยั่งยืนไม่เปลี่ยน

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ เข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ด้านปธน.สี ยืนยัน จีนมีความมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ จีน-สหรัฐให้มั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน ไม่เปลี่ยนแปลง

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ได้เข้าพบ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในกรุงปักกิ่งในวันนี้ ซึ่งเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ เผยว่า อาจเป็นการพบปะกันที่ปูทางสู่การประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 ระหว่าง ปธน.สี และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ทุกคนรอคอย

ในการพบปะระหว่างสีและซัลลิแวนที่มหาศาลาประชาคม สีกล่าวกับซัลลิแวนว่า ความมุ่งมั่นของจีน ต่อเป้าหมายการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐให้มั่นคง แข็งแรง และยั่งยืนนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของจีน

“หวังว่าสหรัฐจะพบกับจีนครึ่งทาง มองจีนและการพัฒนาของเราในเชิงบวกและมีเหตุผล มองการพัฒนาระหว่างกันให้เป็นโอกาสมากกว่าความท้าทาย และทำงานร่วมกับฝ่ายจีนเพื่อหาแนวทางที่ถูกต้อง สำหรับการอยู่ร่วมกันระหว่างสองมหาอำนาจ”

ในช่วงเช้าวันนี้ ซัลลิแวนยังได้พบกับจาง โย่วเสีย รองประธานคณะกรรมาธิการทหารแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อหารือเกี่ยวกับไต้หวัน

ทำเนียบขาวระบุว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองเห็นพ้องต้องกันที่จะคงการหารือระหว่างผู้นำด้านการทหารระดับสูงต่อไปในอนาคตอันใกล้

ซัลลิแวนยังได้ยกประเด็นความสำคัญของเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ (ที่จีนและฟิลิปปินส์ปะทะกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา) และความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันขึ้นมาหารือ

ด้านจางเตือนว่า สถานะของเกาะปกครองตนเองเป็นเส้นแดงเส้นแรกที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ

ตามรายงานกระทรวงกลาโหมจีนระบุ จางกล่าวว่า จีนมีความมุ่งมั่นรักษาความสงบและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน แต่เอกราชของไต้หวัน ความสงบ และความมั่นคง ในช่องแคบไต้หวันนั้น ขัดต่อกัน

“จีนต้องการให้สหรัฐยุติการสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน หยุดส่งอาวุธให้ไต้หวัน และหยุดเผยแพร่ความเท็จที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน” จางกล่าว และขอให้รัฐบาลวอชิงตันทำงานร่วมกับจีนเพื่อส่งเสริมการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย และร่วมกันรับผิดชอบในฐานะมหาอำนาจ

 

อ้างอิง: AFP, South China Morning Post