‘OpenAI’ เปลี่ยนสู่ธุรกิจแสวงหากำไรแล้ว อีลอนวิจารณ์ ทำเช่นนี้ผิดกฎหมาย

‘OpenAI’ เปลี่ยนสู่ธุรกิจแสวงหากำไรแล้ว อีลอนวิจารณ์ ทำเช่นนี้ผิดกฎหมาย

‘OpenAI’ กำลังเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ จากองค์กรไม่แสวงหากำไรสู่บริษัทแสวงหากำไรเพื่อประโยชน์สาธารณะ ขยับไปสู่เป้าหมายเชิงพาณิชย์มากขึ้นท่ามกลางความเห็นต่างจากอีลอน มัสก์ ที่วิจารณ์การตัดสินใจนี้

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า “โอเพนเอไอ” (OpenAI) สตาร์ทอัปปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นเจ้าของ ChatGPT กำลังเร่งดำเนินการตามแผนที่จะเปลี่ยนเป็น “บริษัทแสวงหากำไร” แล้ว หลังจากผู้บริหารระดับสูงหลายคนลาออกตามหลัง มิรา มูราติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีที่ลาออกไปก่อนหน้านี้

ภายใต้การเปลี่ยนแปลงนี้ OpenAI จะกลายเป็นบริษัทแสวงหากำไรเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่สร้างผลกำไร แต่มีความมุ่งมั่นต่อสังคมและสาธารณประโยชน์ และจะไม่ถูกควบคุมโดยคณะกรรมการไม่แสวงหากำไรอีกต่อไป

OpenAI ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว แต่โฆษกกล่าวว่า หน่วยไม่แสวงหากำไรจะยังคงดำรงอยู่ “เรายังคงมุ่งเน้นการสร้าง AI ที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และเรากำลังทำงานร่วมกับคณะกรรมการของเราเพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะประสบความสำเร็จในภารกิจ หน่วยไม่แสวงหากำไรเป็นแก่นแท้ของภารกิจเราและจะยังคงดำรงอยู่”

ทั้งนี้ แซม อัลทแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI จะถือหุ้นในธุรกิจแสวงหากำไร โดยกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การลาออกของมูราติและผู้บริหารระดับสูงอีกสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร

สำหรับ OpenAI ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ในรูปแบบองค์กรไม่แสวงหากำไร และสี่ปีต่อมาได้เพิ่มส่วนสาขาแสวงหากำไร ซึ่ง Microsoft เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด และให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนและพนักงานแบบมีเพดานกำหนด โดยบนเว็บไซต์ OpenAI อธิบายโครงสร้างของบริษัทว่าเป็น “ความร่วมมือระหว่างองค์กรไม่แสวงหากำไรดั้งเดิมของเราและบริษัทสาขาแสวงหากำไรที่มีเพดานกำหนดใหม่”

“โครงสร้างที่มีอยู่ของ OpenAI ค่อนข้างซับซ้อน” ไบรอัน ควินน์ ศาสตราจารย์จากโรงเรียนกฎหมายบอสตันคอลเลจกล่าว “หากพวกเขาทำให้โครงสร้างของพวกเขาเรียบง่ายขึ้นในบางวิธีและมีบริษัทแสวงหากำไรเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นบริษัทแม่ พวกเขาสามารถทำเงินได้มากเท่าที่ต้องการ”

ด้านอีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัป OpenAI ในปี 2558 ได้โพสต์ข้อความบน X โดยกล่าวว่า “คุณไม่สามารถแปลงองค์กรไม่แสวงหากำไรเป็นองค์กรแสวงหากำไรได้ง่ายๆ นั่นผิดกฎหมาย” หลังจากที่ผู้ใช้คนหนึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ OpenAI

ภายใต้การปรับโครงสร้างครั้งนี้ แซม อัลท์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กำลังจะได้รับหุ้นเป็นครั้งแรกในบริษัทแสวงหากำไร ซึ่งอาจมีมูลค่าถึง 150,000 ล้านดอลลาร์หลังการปรับโครงสร้าง เนื่องจากบริษัทกำลังพยายามยกเลิกเพดานกำหนดผลตอบแทนสำหรับนักลงทุนด้วย

นอกจากนี้ อีลอนยังเยาะเย้ยอัลท์แมนและเรียกเขาว่า "นิ้วก้อย" ซึ่งเป็นความเห็นเกี่ยวกับการลาออกของผู้บริหารระดับสูงสามคนจากบริษัท

สิ่งนี้เกิดขึ้นหลายเดือนหลังจากที่มัสก์ฟ้อง OpenAI โดยอ้างว่าองค์กรได้ละเมิดข้อตกลงสัญญาที่จัดตั้งขึ้นเมื่อเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI จากการละทิ้งพันธกิจของการก่อตั้งบริษัทที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ

อ้างอิง: guardianindia