แผนใหม่ 'สหรัฐ' หนุนอิสราเอล ยืดสงครามในเลบานอน หวังล้ม 'ฮิซบอลเลาะห์'
นักวิเคราะห์มอง สหรัฐเปลี่ยนแนวทางหันไปหนุนอิสราเอลรุกรานเลบานอน หวังผลสองอย่างคือ หวังทำให้ฮิซบอลเลาะห์อ่อนแอ และทำให้กลุ่มติดอาวุธนี้พ่ายแพ้ และยอมวางมือ
หลังจากมีการเจรจาทางการทูตอย่างแข็งขันเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์เป็นเวลาหลายสัปดาห์ สหรัฐกลับตัดสินใจใช้แนวทางที่แตกต่างไปจากเดิมคือ “ปล่อยให้ความขัดแย้งในเลบานอนดำเนินต่อไป”
รอยเตอร์ส รายงานว่า เมื่อสองสัปดาห์ก่อน สหรัฐและฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีเป็นเวลา 21 วัน เพื่อป้องกันอิสราเอลรุกรานเลบานอน แต่ความพยายามดังกล่าวก็ถูกขัดขวาง เมื่ออิสราเอลสังหารฮัสซัน นัสรัลลาห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ จากปฏิบัติการภาคพื้นทางตอนใต้เลบานอนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. และการโจมตีทางอากาศที่สังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์อีกหลายราย
ตอนนี้สหรัฐได้ยุติการเรียกร้องหยุดยิง โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในแถลงข่าวช่วงต้นสัปดาห์ก่อนว่า
“เราจะสนับสนุนให้อิสราเอลเปิดฉากรุกรานเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานของฮิซบอลเลาะห์ เพื่อให้เราสามารถหาข้อยุติทางการทูตได้ในที่สุด”
รอยเตอร์สระบุว่า การเปลี่ยนแปลงแนวทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายของสหรัฐที่ขัดแย้งกัน โดยสหรัฐต้องการทั้งจำกัดวงความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ต้องการทำให้ฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน อ่อนแอลง
รอยเตอร์สรายงานว่า สหรัฐและอิสราเอลจะได้ประโยชน์จากความพ่ายแพ้ของฮิซบอลเลาะห์ แต่การสนับสนุนการขยายอิทธิพลทางทหารของอิสราเอลเสี่ยงทำให้เกิดความขัดแย้งที่ไม่สามารถควบคุมได้
จอน อัลเทอร์แมน อดีตเจ้าหน้ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ บอกว่า สหรัฐต้องการเห็นฮิซบอลเลาะห์อ่อนแอ แต่ต้องไตร่ตรองถึงความเสี่ยงเกิด “สุญญากาศ” ในเลบานอน หรือการก่อให้เกิดสงครามระดับภูมิภาค และว่ารัฐบาลวอชิงตันอาจถือคติว่า “ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแนวทางของอิสราเอลได้ อาจต้องพยายามใช้แนวทางนั้นด้วยวิธีที่สร้างสรรค์แทน”
ด้านอารอน เดวิด มิลเลอร์ อดีตผู้เจรจาในตะวันออกกลางของสหรัฐ บอกว่า รัฐบาลวอชิงตันมีความหวังริบหรี่ที่จะยับยั้งอิสราเอล และมองเห็นประโยชน์จากแนวทางนี้
“แน่นอนว่ามันได้สร้างแรงผลักดัน ทำให้ฝ่ายบริหารคิดว่า มาพลิกวิกฤติเป็นโอกาสกันเถอะ” มิลเลอร์กล่าว และว่า ทางการสหรัฐอาจสงวนอำนาจต่อรองไว้เพื่อพยายามระงับการตอบโต้ของอิสราเอลต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัฐบาลเตหะรานเมื่อสัปดาห์ก่อน
แหล่งข่าวจากยุโรปเผยกับรอยเตอร์สว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาหยุดยิงที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้น และอิสราเอลอาจเพิ่มแรงกดดันด้วยปฏิบัติการทางทหารในเลบานอนต่อไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
สหรัฐหวังผล 2 อย่าง
รอยเตอร์สระบุว่า สหรัฐมองการขยายปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลว่าอาจทำให้ตนได้ผลประโยชน์อย่างน้อย 2 ประการ ได้แก่
1.ทำให้ฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธพรรคพวกอิหร่านที่ทรงอำนาจที่สุด อ่อนแอลงได้ ซึ่งอาจจำกัดอำนาจของรัฐบาลเตหะรานในภูมิภาค และลดภัยคุกคามต่อกองกำลังอิสราเอลและสหรัฐอีกด้วย
2.รัฐบาลวอชิงตันเชื่อว่า แรงกดดันทางทหารอาจผลักดันให้ฮิซบอลเลาะห์ยอมวางมือ และเปิดให้มีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในเลบานอนที่อาจสามารถขับไล่กองกำลังติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลมานานหลายสิบปีออกจากเลบานอนได้
แต่โจนาธาน ลอร์ด อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในศูนย์ความมั่นคงอเมริกันใหม่ในวอชิงตัน บอกว่า ความคาดหวังดังกล่าวอาจเป็นไปได้ยาก
การทูตยังไม่อาจยังยั้งอิสราเอลได้
ทางการสหรัฐเผยในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เป้าหมายสูงสุดของการยุติความขัดแย้งในเลบานอนคือ การบังคับใช้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 1701 ที่กำหนดให้กองกำลังชั่วคราวของสหประชาชาติในเลบานอน (UNIFIL) ไปช่วยเหลือกองทัพเลบานอนสามารถรักษาพื้นที่ชายแดนตอนใต้ที่ติดกับอิสราเอลให้ปราศจากอาวุธ หรือกลุ่มติดอาวุธ นอกจากบุคลากรของเลบานอนเอง
สหรัฐกล่าวว่า การเจรจากับหลายฝ่ายเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้สามารถทำได้ในขณะที่ยังมีการสู้รบอยู่ แม้นักวิเคราะห์เตือนว่า ความขัดแย้งอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดสงครามเป็นวงกว้าง
นอกจากมีความกังวลว่าสงครามอาจดึงสหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ยังมีความกังวลด้วยว่า เลบานอนอาจกลายเป็นอีกสมรภูมิเหมือนกาซา
ด้านอัลเทอร์แมน ที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าโครงการตะวันออกกลางของศูนย์กลยุทธ์และการศึกษาระหว่างประเทศ บอกว่า การทูตไม่อาจยุติการสู้รบได้ในเร็ว ๆ นี้
“เนทันยาฮูมองว่าการเดิมพันของเขาทั้งหมดนั้นได้ผล และเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับอิสราเอลที่จะรู้สึกว่าควรยุติการเพิ่มข้อได้เปรียบของตนเอง”
อ้างอิง: Reuters