พลิกวิกฤติบ้านร้าง! หนุ่มสวีเดนปั้นรายได้ ‘หลักแสน’ จากบ้านร้างญี่ปุ่น

พลิกวิกฤติบ้านร้าง! หนุ่มสวีเดนปั้นรายได้ ‘หลักแสน’ จากบ้านร้างญี่ปุ่น

บ้านร้างนับล้านหลังในญี่ปุ่น กลายเป็นโอกาสทองของชายสวีเดนรายหนึ่งที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม เขาลงทุนซื้อบ้านร้างราคาไม่แพง บูรณะใหม่ด้วยใจรัก และกลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่พักสุดฮิตในโตเกียว สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน

KEY

POINTS

  • ญี่ปุ่นมี “บ้านร้างจำนวนมหาศาล” โดยในปัจจุบันทะลุ 9 ล้านหลังแล้ว
  • ชายสวีเดนผู้หนึ่งเห็นโอกาส เข้าซื้อบ้านร้างญี่ปุ่นหลังหนึ่งในราคาราว 1.7 ล้านบาท พร้อมบูรณะใหม่ให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากนั้นลงประกาศใน Airbnb แพลตฟอร์มจองห้องพัก
  • ปัจจุบันที่พักที่ถูกรีโนเวทใหม่แห่งนี้กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เยือนโตเกียว โดยได้ค่าเช่ารายวันบน Airbnb อยู่ที่ราว 16,000 บาท และสร้างรายได้ค่าเช่าให้เขาได้ราว 3.6 แสนบาทต่อเดือน 

ในขณะที่ทั่วโลกกำลังขาดแคลนที่อยู่อาศัย ญี่ปุ่นกลับเผชิญกับปัญหาตรงกันข้าม นั่นคือ “บ้านร้างจำนวนมหาศาล” โดยในปัจจุบันทะลุ 9 ล้านหลังเข้าไปแล้ว

หลายคนอาจมองว่าบ้านเหล่านี้เป็นปัญหา มีภาระด้านภาษีและค่าบำรุงรักษาไม่น้อย สู้ปล่อยทิ้งไว้คงจะดีกว่า แต่มีชายสวีเดนผู้หนึ่งเห็นโอกาส เข้าซื้อบ้านร้างญี่ปุ่นหลังหนึ่งในราคาราว 1.7 ล้านบาท พร้อมบูรณะใหม่ให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากนั้นลงประกาศใน Airbnb แพลตฟอร์มจองห้องพัก จนสร้างรายได้ค่าเช่าให้เขาได้สูงถึง 3.6 แสนบาทต่อเดือน

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แอนตัน วอร์แมน (Anton Wormann) วัย 32 ปี ผู้หลงใหลในงาน DIY และการตกแต่ง ได้ตัดสินใจซื้อบ้านร้างของเพื่อนบ้าน เพื่อพลิกฟื้นให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยวอร์แมนพบว่า บ้านหลังนี้ถูกปล่อยว่างเปล่าไว้นานราว 10 ปี หลังจากเจ้าของผู้สูงอายุเสียชีวิต

ฟื้นฟูบ้านร้างในฝัน

วอร์แมนซึ่งเติบโตในสวีเดนและอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น ปารีส ลอนดอน มิลาน และนิวยอร์กมานานเกือบทศวรรษ ได้ “ตกหลุมรักญี่ปุ่น” เมื่อเขาไปเยือนในปี 2015 เพื่อเดินทางไปทำงาน

หลังจากการเยี่ยมชมนั้น วอร์แมนเผยความรู้สึกว่า “ทุกครั้งที่ผมกำลังจะออกเดินทาง ผมรู้สึกว่า ยังไม่พร้อมที่จะจากไป” เขารู้สึกทึ่งกับทิวทัศน์ที่สวยงาม อาหารอร่อย และวัฒนธรรมที่งดงามของญี่ปุ่น

“ผมอยากอยู่ที่นี่และใช้เวลากับที่นี่มากขึ้น ผมไม่สามารถบรรยายสิ่งนี้ได้จริง ๆ แต่แค่รู้สึกสั่นไหวในใจ” ดังนั้น ในเดือนตุลาคม 2018 เขาจึงตัดสินใจก้าวข้ามความกลัว และย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น

เมื่อคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น วอร์แมนได้ค้นพบโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการซื้อบ้านร้าง เขาทำการซ่อมแซมใหม่ และเปลี่ยนเป็นที่พักอันสวยงาม

ตั้งแต่วัยเด็ก วอร์แมนมักคลุกคลีกับการรีโนเวทบ้านเก่ากับคุณพ่อเสมอ ความสนใจในโครงการเหล่านี้ฝังรากลึกในตัวเขา และก่อนจะมาพบกับบ้านร้างในญี่ปุ่น เขาก็มีประสบการณ์ในการรีโนเวทบ้านในสวีเดนมาก่อน

ชีวิตใหม่ในบ้านร้าง

ย้อนกลับไปในช่วงที่วอร์แมนค้นพบบ้านร้างนี้ ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนบ้าน เขาสามารถติดต่อกับลูกเจ้าของบ้านร้างได้ และซื้อในราคาประมาณ 8 ล้านเยน (ราว 1.7 ล้านบาท) ซึ่งยังไม่รวมค่าโอนเปลี่ยนมือ และค่าธรรมเนียม

ภายในบ้านยังคงเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของผู้อยู่อาศัยเดิม ซึ่งเป็นภาพที่พบเห็นได้บ่อยในบ้านร้างของญี่ปุ่น สภาพของบ้านทรุดโทรมลงอย่างมากจากการถูกปลวกกัดกิน และต้องการการซ่อมแซมโครงสร้างที่สำคัญ

“มีความไม่แน่นอนมากมาย แต่ผมชอบสถานที่ ชอบแสงแดด และชอบขนาด” เขากล่าว โดยวอร์แมนใช้เวลาประมาณ 15 เดือนในการบูรณะบ้านให้ใหม่

การปรับปรุงบ้านในกรุงโตเกียวเป็นเรื่องท้าทายมาก เพราะที่ดินมีขนาดจำกัด ทำให้ต้องรื้อถอนส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไปทีละน้อย เพื่อให้การก่อสร้างดำเนินต่อไปได้

“การปรับปรุงบ้าน เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องทำการรื้อถอนเศษวัสดุออกเป็นระยะ ๆ และขนย้ายไปกำจัดที่หลุมฝังกลบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องทำซ้ำอยู่ตลอดเวลา”

“ผมออกแบบบ้านอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเวลา ผมรู้สึกถึงความต้องการและปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา หรือความรู้สึกในพื้นที่ ผมจึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ให้เข้ากับความรู้สึกของตัวเองในขณะนั้น” วอร์แมนกล่าว

หนุ่มสวีเดนผู้นี้ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1,500 ชั่วโมงในการคลุกคลีในบ้านตลอดระยะเวลาประมาณหนึ่งปี “บ้านเข้าครอบครองจิตใจของผมแล้ว ผมได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นเวลาหนึ่งปี” และโดยรวมแล้ว เขาใช้เงินไปอีก 8 ล้านเยน (ราว 1.7 ล้านบาท) สำหรับการบูรณะบ้าน

โดยรวมแล้ว วอร์แมนใช้เงินไปกับการซื้อบ้านร้างและบูรณะใหม่เป็นทั้งหมด 110,000 ดอลลาร์หรือราว 3.6 ล้านบาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันที่พักแห่งนี้กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เยือนโตเกียว โดยได้ค่าเช่ารายวันบน Airbnb อยู่ที่ประมาณ 500 ดอลลาร์หรือราว 16,000 บาท และสามารถสร้างรายได้ค่าเช่าได้ประมาณ 11,000 ดอลลาร์หรือราว 3.6 แสนบาทต่อเดือน 

ในปัจจุบัน เขาเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นถึง 8 แห่ง ซึ่ง 7 ใน 8 แห่งนั้นเคยถูกทิ้งร้างมาก่อน และในขณะนี้ เขากำลังทยอยปรับปรุงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“หลายสิ่งที่เคยรุ่งเรืองในอดีตราว 3-4 ทศวรรษก่อน กำลังค่อย ๆ เลือนหายไปและถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ได้เห็นสิ่งเหล่านั้นเสื่อมโทรมลง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะช่วยกันฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง” วอร์แมนกล่าวทิ้งท้าย

ควรลงทุนบ้านร้างในญี่ปุ่นหรือไม่

แม้บ้านร้างจะดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่ย่อมเยาว์กว่าบ้านใหม่ และโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างที่เห็นในตัวอย่างของวอร์แมน แต่ในอีกด้านหนึ่งของเหรียญก็มีความเสี่ยงไม่น้อย อย่างแรกคือ ค่าบูรณะบ้านอาจสูงใกล้เคียงกับราคาบ้านได้ 

ถ้าหากเราคัดเลือกบ้านได้ไม่ดี มีสภาพทรุดโทรมเกินไป เปรียบเสมือนการซื้อรถมือสองที่ซ่อนปัญหาไว้ภายใน เครื่องยนต์ ตัวถัง หรือระบบไฟฟ้าอาจมีตำหนิที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่นเดียวกับบ้านร้างที่อาจมีปัญหาซ่อนเร้นอยู่ภายใน เช่น ท่อระบายน้ำอุดตัน รอยร้าวในโครงสร้าง ปัญหาการรั่วซึม รอยถูกกัดแทะภายใน ก็อาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

นอกจากราคาบ้านและค่าใช้จ่ายในการบูรณะใหม่แล้ว GaijinPot Blog ซึ่งเป็นบล็อกเกี่ยวกับเรื่องราวในญี่ปุ่นยังระบุด้วยว่า อาจต้องเตรียมงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ค่าดำเนินการต่าง ๆ รวมถึงค่าคอมมิชชั่นของตัวแทน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอาจสูงถึง 400,000 เยนหรือราว 9 หมื่นบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับประเภทและมูลค่าของทรัพย์สิน 

อีกทั้งเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอยู่บ่อยครั้ง บ้านเก่าแก่หลายหลังจึงมีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติชนิดนี้สูง จึงควรหลีกเลี่ยงการซื้อบ้านบนพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น ที่ดินถมใหม่ พื้นที่น้ำท่วมง่าย และพื้นที่ที่มีดินอ่อน 

อ้างอิง: cnbcgaijinpotcheap