สหรัฐส่งมอบ ‘วัตถุโบราณบ้านเชียง’ อายุกว่า 3,500 ปี คืนไทยอย่างเป็นทางการ
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยส่งมอบวัตถุโบราณบ้านเชียง อายุกว่า 3,500 ปี คืนไทยอย่างเป็นทางการ หลังอยู่ในสถานทูตสหรัฐมาหลายสิบปี
เนื่องในโอกาสวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พ.ย. ในทุกปี สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยถือโอกาสนี้ส่งมอบวัตถุโบราณบ้านเชียงให้กับประเทศไทย ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
วัตถุโบราณชิ้นล่าสุดนี้คือ เครื่องปั้นและเครื่องมือดินเผาที่มีลวดลายเขียนสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องปั้นดินเผาจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งรกรากและสถานที่ฝังศพของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุกว่า 3,500 ปี
ในระหว่างปี พ.ศ. 2513-2522 เครื่องปั้นดินเผาชุดนี้ได้ส่งมอบให้นายทหารชาวอเมริกันท่านหนึ่งที่เคยประจำการ ณ ฐานบินอุดรธานี จ.อุดรธานี จากนั้นนายทหารคนดังกล่าวได้ส่งมอบวัตถุโบราณชิ้นนี้ให้แก่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย
รูปจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
ไม่นานมานี้ สถานทูตฯเพิ่งพบว่าวัตถุโบราณชิ้นนี้อาจเป็นของไทย จึงแจ้งฝ่ายไทยให้มาตรวจสอบเพื่อส่งมอบมรดกวัฒนธรรมชิ้นนี้คืน
ทั้งนี้ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และได้รับยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางของวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม สังคม และเทคโนโลยีของมนุษย์
ในพิธีส่งมอบนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ไทยมองสหรัฐเป็นมิตรประเทศที่ดี มีความร่วมมือกันในหลายด้าน ทั้งยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยืนยาว และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสองประเทศมีความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกันมากขึ้น
อธิบดีฯย้ำว่า หลังจากมีการส่งคืนโบราณวัตถุประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The Standing Shiva) หรือ โกลเด้นบอย เมื่อเดือนพ.ค. ทำให้พิพิธภัณฑ์มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมมากกว่า 100,000 คน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โบราณวัตถุเป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็เป็นประโยชน์ แต่จะมีผลดีที่สุดหากวัตถุเหล่านั้นได้กลับมาอยู่ในแผ่นดินแม่ และหลายปีที่ผ่านมาสหรัฐช่วยให้เรื่องนี้เป็นจริง
อธิบดีกรมศิลปากรย้ำอีกว่า ยิ่งวัตถุโบราณถูกนำออกไปจากแผ่นดินแม่ไกลเท่าไร ยิ่งนำกลับคืนได้ยาก ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถติดตามกลับคืนได้เพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะสถานทูตสหรัฐที่ติดต่อและส่งคืนวัตถุโบราณล้ำค่าชิ้นนี้ รวมถึงหน่วยงานทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือโดยเฉพาะองค์การยูเนสโก
รูปจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
ด้านนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เล่าถึงที่มาการค้นพบวัตถุโบราณบ้านเชียงว่า เมื่อปี 2509 สตีเฟน ยัง (Stephen Young) นักศึกษาอเมริกันที่เดินทางไปทำการวิจัยภาคสนามสำหรับวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาตรีที่จังหวัดอุดรธานี บังเอิญเดินไปสะดุดกับรากไม้และล้มลงไปบริเวณที่มีชิ้นส่วนหม้อดินเผาโบราณฝังอยู่ในวันหนึ่ง จากนั้นสตีเฟนได้นำหม้อดินเผานี้ไปให้หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตรพิจารณา เมื่อทราบว่าโบราณวัตถุนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ท่านผู้หญิงจึงแจ้งกรมศิลปากร
หนึ่งปีต่อมามีการขุดค้นทางโบราณคดี และพบกลุ่มเครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับ เครื่องไม้ใช้สอย และโบราณวัตถุอื่น ๆ ตามมาจำนวนมาก
ด้วยวัตถุโบราณบ้านเชียงเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติไทย เอกอัครราชทูตโกเดคมีความยินดีประกาศการส่งคืนโบราณวัตถุจำนวนสี่ชิ้นจากแหล่งบ้านเชียง ได้แก่ ภาชนะดินเผา กำไลข้อมือ และลูกกลิ้งทรงกระบอกสองชิ้นที่ยังไม่ทราบการใช้งานที่แน่ชัด
ทูตโกเดคย้ำว่า โบราณวัตถุเหล่านี้ได้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ
ในการดำเนินงาน สถานทูตฯได้ร่วมมือกับสำนักงานยูเนสโกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงเทพ ติดต่อกับกรมศิลปากร และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งคืนโบราณวัตถุจากแหล่งบ้านเชียง
“เราหวังว่าสิ่งของเหล่านี้จะมีส่วนช่วยการศึกษาวิจัยและทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับหนึ่งในสังคมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เอกอัครราชทูต กล่าว
ทูตโกเดคย้ำ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ จะยังคงสนับสนุนการส่งคืนโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทยต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐได้ส่งคืนประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ หรือ โกลเด้นบอย และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ (The Kneeling Female) จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันในนิวยอร์ก คืนสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัย ดังนั้นเครื่องปั้นดินเผาชิ้นล่าสุดจึงเป็นโบราณวัตถุชุดที่ 3 ที่สหรัฐส่งคืนให้แก่ไทยในปีนี้
เอกอัครราชทูตยังได้กล่าวชื่นชม รัฐบาลไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและทีมงาน กรมศิลปากร ยูเนสโก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการอย่างมุ่งมั่นเพื่อสนับสนุนให้สมบัติอันล้ำค่ากลับคืนสู่ประเทศไทย
รูปจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลและประชาชนไทย ตนมีความยินดีอย่างยิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้รับมอบโบราณวัตถุบ้านเชียง จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย
รมว.สุดาวรรณเผยว่า การส่งคืนโบราณวัตถุบ้านเชียงให้กรมศิลปากรในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อแหล่งที่มาของโบราณวัตถุแล้ว ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและสหรัฐให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ขณะที่ราฟิก มันซูร์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กล่าวชื่นชมรัฐบาลไทยที่ดำเนินงานอย่างยอดเยี่ยมเพื่อปกป้องและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม และขอบคุณยูเนสโกที่ให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการช่วยอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมทั่วโลก
นายมันซูร์ เผยว่า กว่า 50 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐดำเนินงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรโดยสันติระหว่างประชาชนสหรัฐและสนับสนุนความพยายามของวัฒนธรรมมากมายนับร้อย ๆ วัฒนธรรมทั่วโลก ในการปกป้องและอนุรักษ์มรดกของตน และเป็นผู้สนับสนุนอนุสัญญายูเนสโกว่าด้วยวิธีการในการห้ามและป้องกันการนำเข้า การส่งออก และการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ค.ศ. 1970 และอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก ค.ศ. 1972
นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี 2544 สหรัฐยังสนับสนุนโครงการภายใต้กองทุนเอกอัครราชทูตเพื่อการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม มากกว่า 1,270 โครงการ ใน 134 ประเทศ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 128 ล้านสหรัฐ และให้การสนับสนุนโครงการ 128 โครงการในประเทศอาเซียน ทั้งยั้งสนับสนุนโครงการราว 20 โครงการ เพื่อช่วยอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย
รองผู้ช่วยรัฐมนตรีสหรัฐ เผยว่า ที่ผ่านมาสหรัฐได้ส่งคืนวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกลักขโมยอย่างน้อย 250 รายการ แก่หลายประเทศในอาเซียน เช่น กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว ไทย เวียดนาม เป็นต้น และเครื่องมือความตกลงว่าด้วยทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นข้อตกลงทวิภาคีป้องกันการลักขโมยและการค้าวัตถุทางวัฒนธรรมโดยผิดกฎหมายไปยังสหรัฐ ช่วยหนุนให้สหรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะส่งคืนวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกลักขโมยให้กับประเทศต้นทางให้ได้มากที่สุด
“ผมขอขอบคุณรัฐบาลไทยและยูเนสโกสำหรับความมุ่งมั่นในการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่รุ่มรวยและเป็นเอกลักษณ์ของไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เราขอบคุณสำหรับความเป็นหุ้นส่วนนี้และยินดีร่วมมือกับประเทศอาเซียนอื่นๆ ด้วย”
สหรัฐเตรียมส่งวัตถุโบราณคืนไทยอีก 2 ชิ้น
อธิบดีกรมศิลปกร เผยว่า กระทรวงวัฒนธรรมกำหนดให้มีการติดตามวัตถุโบราณคืนสู่ประเทศไทยทุกๆ สามเดือน และล่าสุดได้รับข่าวดีว่า สหรัฐเตรียมส่งคืนวัตถุโบราณให้กับไทยอีกสองชิ้น ซึ่งคาดว่าเป็นประติมากรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์และพิจารณาต่อไป
นายพนมบุตรย้ำด้วยว่า การส่งคืนโบราณวัตถุให้กับไทยและนำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทำให้ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกเพศทุกวัย ได้เข้าถึงและเรียนรู้เกี่ยวกับมรดกอันล้ำค่าของไทยได้มากยิ่งขึ้น