Tesla และ BYD จ่าฝูงรถอีวีทำกำไร สวนทางสันดาป ‘โตโยต้า-โฟล์คสวาเกน' กำลังติดลบ

Tesla และ BYD จ่าฝูงรถอีวีทำกำไร สวนทางสันดาป ‘โตโยต้า-โฟล์คสวาเกน' กำลังติดลบ

Tesla และ BYD จ่าฝูงรถอีวีทำกำไร สวนทางค่ายยักษ์จากญี่ปุ่น-ยุโรปอย่าง ‘โตโยต้า ฮอนด้าและโฟล์คสวาเกน’ กำลังติดลบ หลังตลาดจีนมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 24%

สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า เทสล่า(Tesla) และบีวายดี (BYD) ค่ารถยนต์ไฟฟ้าทำผลงานโดดเด่นเหนือรถยนต์สันดาป โดยเทสล่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 17% และ BYD ของจีนเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเทสล่ามีกำไรต่อคันสูงกว่าโตโยต้า (Toyota) ถึง 3 สามเท่า

ขณะที่ “โตโยต้า” ผู้ผลิตรถยนต์สันดาปที่ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 11 รายของโลกด้วยกำไรสุทธิ 5.7 แสนล้านเยนในไตรมาสล่าสุด แต่ตัวเลขดังกล่าวกลับลดลงถึง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

กำไรค่ายยักษ์ใหญ่กำลัง ‘ติดลบ’

Tesla และ BYD จ่าฝูงรถอีวีทำกำไร สวนทางสันดาป ‘โตโยต้า-โฟล์คสวาเกน\' กำลังติดลบ

“โตโยต้า” ผู้ผลิตรถยนต์สันดาปที่ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 11 รายของโลกด้วยกำไรสุทธิ 5.7 แสนล้านเยนในไตรมาสล่าสุด แต่ตัวเลขดังกล่าวกลับลดลงถึง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  

สถานการณ์ของค่ายรถยนต์รายอื่นยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น โดย “ฮอนด้า มอเตอร์” รายงานผลขาดทุนสุทธิถึง 61% เหลือเพียง 1 แสนล้านเยน ส่วน “นิสสัน มอเตอร์” ก็ขาดทุนสุทธิไป 9,300 ล้านเยน สะท้อนวิกฤติในอุตสาหกรรมที่กระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก

รวมไปถึง “โฟล์คสวาเกน” (volkswagen) เองก็มีกำไรสุทธิลดลง 69% ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) มีกำไรสุทธิลดลงมากกว่า 50% พอกับ บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ลดลงมากกว่า 80%

BYD กดดันคู่แข่งรายใหญ่ในจีน

GlobalData คาดการณ์ว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน โดยมีสัดส่วนถึง 24% ของความต้องการรถยนต์ใหม่ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในทางกลับกัน สัดส่วนของรถยนต์พลังงานน้ำมันคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 48% จากเดิม 81%  ในปี 2564

การเติบโตของ BYD ในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดถึงประมาณ 30% ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่รายอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

ยอดขายทั่วโลกของ BYD พุ่งสูงขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยมียอดขายรวม 1.13 ล้านคัน โดยยอดขายรถยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) ของ BYD เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นถึง 76% หรือประมาณ 680,000 คัน 

นอกจากนี้ กว่า 90% ของยอดขายทั้งหมดของ BYD มาจากตลาดภายในประเทศจีน สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน

ความสำเร็จของ BYD ในตลาดรถยนต์จีนส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากยุโรปและญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด โดยข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า ยอดขายของ Volkswagen, Mercedes-Benz และ Toyota ในจีนลดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Nissan และ Honda ประสบปัญหาหนักยิ่งกว่า โดยยอดขายลดลงถึง 50%

อ้างอิง Nikkei