ศาลฮ่องกงสั่งจำคุก 45 นักเคลื่อนไหวปชต. 'โจชัว หว่อง' โดนคุก 4 ปี 8 เดือน
'ศาลฮ่องกง' ตัดสินจำคุก 45 นักเคลื่อนไหวการเมืองเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหาในปี 2021 ต้องโทษตั้งแต่ 4 ปี จนถึง 10 ปี หรือสูงสุดเท่าที่เคยมีการใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ ขณะที่แกนนำคนดัง 'โจชัว หว่อง' ต้องโทษ 4 ปี 8 เดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าในวันนี้ (19 พ.ย.) ศาลสูงของฮ่องกงได้พิจารณาคดีนักเคลื่อนไหวต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยจำนวน 47 คน ที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหาเมื่อปี 2021 ในข้อหาสมคบคิดเพื่อล้มล้างทำลายภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งนับเป็นการตัดสินคดีความมั่นคงครั้งสำคัญของฮ่องกงและจีนที่ถูกจับตาไปทั่วโลก
คดีครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยตั้งแต่ราวปี 2019 และประท้วงการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นอย่างไม่เป็นทางการในฮ่องกงเมื่อปี 2020 เพื่อคัดเลือกผู้สมัครที่ดีที่สุดสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติของฮ่องกง นักเคลื่อนไหวเหล่านี้ถูกอัยการกล่าวหาว่า วางแผนทำให้รัฐบาลต้องหยุดชะงักโดยกระทำการที่อาจก่อความวุ่นวายหากพวกเขาได้รับการเลือกตั้ง
หลังจากการพิจารณาคดีเป็นเวลา 118 วัน นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 14 คน ถูกตัดสินว่ามีความผิดไปแล้วก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม รวมถึง "กอร์ดอน อึ้ง" และ "โอเวน โจว" ชาวฮ่องกงที่ถือสัญชาติออสเตรเลีย ในขณะที่อีก 2 คนได้รับการตัดสินให้พ้นผิด และอีก 31 คนยอมรับสารภาพ
ศาลฮ่องกงมีคำพิพากษาจำคุกผู้ต้องหา 45 คน จากทั้งหมด 47 คน ในจำนวนนี้ "เบนนี ไท่" อดีตนักวิชาการด้านกฎหมายที่ถูกระบุว่าเป็นแกนนำจัดตั้งของกลุ่มเคลื่อนไหวนี้ ถูกตัดสินลงโทษจำคุกถึง 10 ปี ซึ่งเป็นโทษจำคุกยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีการพิพากษาภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกงในปี 2020 ที่รัฐบาลจีนและฮ่องกงย้ำว่าเป็นกฎหมายที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย หลังจากมีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2019
ขณะที่นักเคลื่อนไหวคนดัง "โจชัว หว่อง" ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน ส่วนอดีตนักข่าวที่ผันตัวไปเป็นนักเคลื่อนไหว "กวินเน็ธ โฮ" ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี
การพิจารณาคดีครั้งนี้มีคนนับร้อยมายืนรอที่หน้าศาลแขวงเกาลูนตะวันตกท่ามกลางฝนตกเพื่อรอฟังคำตัดสินด้วย ในจำนวนนี้ยังรวมถึง "นักการทูตต่างชาติ" จากหลายประเทศ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและเข้มงวด
รัฐบาลตะวันตกบางประเทศได้วิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาคดีครั้งนี้ โดยสหรัฐระบุว่าการพิจารณาคดีนี้ "มีแรงจูงใจทางการเมือง" และระบุว่านักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยเหล่านี้ควรได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากพวกเขา "เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างสันติ" ซึ่งถือเป็นเรื่องถูกกฎหมาย
ขณะที่นักวิจารณ์บางส่วนโจมตีว่าการตัดสินครั้งนี้อาจทำให้บทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกเสียหาย และยังเกิดขึ้นในขณะที่ฮ่องกงกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทางการเงินระดับนานาชาติเพื่อดึงดูดธุรกิจให้เข้ามามากขึ้น