'วอร์เรน บัฟเฟตต์' ปิดฉากอาณาจักรความมั่งคั่ง บริจาคเงินทั้งหมดให้การกุศล

'วอร์เรน บัฟเฟตต์' ปิดฉากอาณาจักรความมั่งคั่ง บริจาคเงินทั้งหมดให้การกุศล

'วอร์เรน บัฟเฟตต์' สิ้นสุดอาณาจักรความมั่งคั่ง ด้วยการบริจาคเงินให้การกุศลเพิ่มอีก 1.1 พันล้านดอลลาร์ ตั้งทรัสตี 3 คนรับไม้ต่อจากลูกทั้ง 3 บริหารเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่วางใจคนรุ่นต่อไปจะบริหารสินทรัพย์ได้ดีแค่ไหน

 “วอร์เรน บัฟเฟตต์” หนึ่งในนักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและผู้ก่อตั้บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ได้แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างจากมหาเศรษฐีหลายคน ด้วยการตัดสินใจ ไม่สร้างอาณาจักรความมั่งคั่ง ให้กับทายาทของตนเอง

แทนที่จะส่งต่อทรัพย์สินมหาศาลให้ลูกหลานโดยตรง บัฟเฟตต์เลือกที่จะแต่งตั้งผู้ดูแลทรัพย์สินอิสระ 3 คนเพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินของเขาจะถูกนำไปใช้เพื่อการกุศลอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง หลังจากที่เขาและภรรยาเสียชีวิตลง พร้อมกับบริจาคหุ้น Berkshire Hathaway เพิ่มอีก 1,100 ล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิทั้ง 4 แห่งของครอบครัว เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของเขา

ก่อนหน้านี้ บัฟเฟตต์ได้ให้สัญญามาโดยตลอดว่าจะบริจาคเงิน 99% ของสินทรัพย์ทั้งหมดที่ได้มาตั้งแต่ปี 1965 แทนที่จะทิ้งเป็นมรดกให้กับลูกทั้ง 3 คน เพราะเขามองว่ามรดกอาจทำให้ขาดแรงผลักดันในการพัฒนาตนเอง และสร้างความแตกแยกในครอบครัว นอกจากนี้ การที่ทรัพย์สินมหาศาลตกทอดไปยังคนรุ่นหลัง อาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางสังคมได้เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนรุ่นถัดไปจะเลือกกระจายทรัพย์สินเหล่านี้อย่างไร

บัฟเฟตต์ไม่ได้ต้องการสร้างอาณาจักรธุรกิจมอบให้ลูกหลาน แต่เลือกที่จะบริจาคทรัพย์สินให้กับการกุศลแทน เนื่องจากกังวลว่ารุ่นต่อ ๆ ไปอาจไม่สามารถบริหารจัดการความมั่งคั่งมหาศาลได้อย่างเหมาะสม

"ผมไม่เคยต้องการสร้างอาณาจักรหรือวางแผนใดๆ ที่จะขยายความมั่งคั่งนอกเหนือจากลูกๆ ผมรู้จักลูกทั้ง 3 ดีและไว้ใจพวกเขาอย่างสมบูรณ์ แต่คนรุ่นถัดไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ใครจะสามารถคาดการณ์ความสำคัญ สติปัญญา และความซื่อสัตย์ของคนรุ่นถัดๆ ไปในการจัดการกับบริหารทรัพย์สินมหาศาลได้" บัฟเฟตต์เขียนระบุในจดหมาย

3 ทรัสตีนิรนาม

บัฟเฟตต์ เป็นเจ้าของหุ้น Berkshire Hathaway Class A กว่า 37.6% ได้ออกมาเปิดเผยแผนการจัดการทรัพย์สินมหาศาลของเขา หลังจากที่ได้แต่งตั้งผู้ดูแลทรัพย์สินอิสระ 3 คน เพื่อทำหน้าที่สืบทอดต่อจากลูกๆ ในการบริหารจัดการและกระจายทรัพย์สินให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ตอนนี้ลูกๆ ของบัฟเฟตต์ปัจจุบันมีอายุ 71, 69 และ 66 ปี

บัฟเฟตต์ได้วางแผนการสืบทอดมรดกโดยการเลือกผู้ดูแลทรัพย์สินที่น่าเชื่อถือ 3 ท่าน ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับของลูกๆ ทั้งสามคนของเขา โดยผู้ดูแลทรัพย์สินเหล่านี้มีอายุน้อยกว่าลูกๆ ของบัฟเฟตต์ และพร้อมที่จะเข้ามาทำหน้าที่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แม้ว่าบัฟเฟตต์จะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกๆ ของเขา ซูซี่ ฮาวี และปีเตอร์จะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินมหาศาลนี้ได้ด้วยตนเอง แต่เขาก็ได้เตรียมแผนสำรองไว้เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินของเขาจะถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดตามที่เขาตั้งใจไว้ อย่างไรก็ดี รายชื่อของผู้ทรัสตียังไม่ถูกเปิดเผย

   ในวันจันทร์ที่ผ่านมา วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้เปลี่ยนหุ้นประเภท A จำนวน 1,600 หุ้น ให้เป็นหุ้นประเภท B จำนวน 2,400,000 หุ้น เพื่อนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิของครอบครัว ทั้งนี้ หุ้นส่วนใหญ่จำนวน 1,500,000 หุ้น จะมอบให้กับมูลนิธิซูซาน ทอมป์สัน บัฟเฟตต์ ส่วนที่เหลืออีก 300,000 หุ้น จะแบ่งให้กับมูลนิธิเชอร์วู้ด มูลนิธิโฮเวิร์ด จี. บัฟเฟตต์ และมูลนิธิโนโว เท่า ๆ กัน

บัฟเฟตต์ได้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิครอบครัวทั้ง 4 แห่งอย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่ปี 2006 และได้สร้างความไว้วางใจอย่างลึกซึ้งในความสามารถและความมุ่งมั่นในการทำความดีของลูกๆ ผ่านการสังเกตการณ์มาอย่างยาวนาน

"ช่วง 18 ปีที่ผ่านมา ผมได้เห็นการเติบโตและพัฒนาของลูกๆ ในการทำงานด้านการกุศล พวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตที่ล้ำค่ามากมาย พวกเขามีความมั่นคงทางการเงิน แต่ไม่ได้หมกมุ่นกับความร่ำรวย ผมเชื่อว่าภรรยาของผมคงจะรู้สึกภูมิใจในพวกเขามาก"