เปิดแผน 'รถไฟความเร็วสูงเวียดนาม' คาดสร้างปี 70 เสร็จปี 78
รัฐสภาเวียดนาม ลงมติเห็นชอบ "โครงการรถไฟความเร็วสูง" มูลค่า 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่อาจทำให้การเดินทางระหว่างกรุงฮานอย และโฮจิมินห์ใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงครึ่ง (จากการเดินทางราว 1 วัน) และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2570 อาจแล้วเสร็จภายในปี 2578 คาดคืนทุนภายใน 33.6 ปี
รัฐสภาเวียดนาม เผยว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2570 และจะแล้วเสร็จภายในปี 2578
Parliament TV เผยว่า เส้นทางรถไฟ 1,500 กิโลเมตร จะทอดยาวไปตามแนวกระดูกสันหลังของประเทศ ผ่าน 23 สถานี ในจังหวัดและเมืองต่าง ๆ 20 แห่ง และระยะเวลาคืนทุนจากการลงทุนของภาครัฐจะอยู่ที่ 33.6 ปี
รัฐบาลเวียดนามเผยด้วยว่า ประเทศอาจกู้ยืมไม่เกิน 30% ของงบประมาณโครงการ โดยอาจมาจากการกู้ยืมภายในประเทศหรือผ่านความช่วยเหลือจากต่างชาติ และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาโมเดลรถไฟในญี่ปุ่นและจีน พร้อมเน้นน้ำถึงความจำเป็นในการจัดการหนี้สาธารณะ และการจัดทำมาตรฐานทางเทคนิค เช่น การทำรางรถไฟขนาดต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้กับส่วนต่างๆ ของเส้นทางรถไฟอื่นๆ ที่มีอยู่
กระทรวงคมนาคมคาดว่า รถไฟความเร็วสูงอาจเดินทางจากนครโฮจิมินห์ไปยังกรุงฮานอยโดยใช้เวลาเพียง 5.5 ชั่วโมง ขณะที่ปัจจุบันต้องใช้เวลามากกว่า 1 วัน หากเดินทางด้วยรถไฟที่สร้างโดยเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนนับล้านเลือกใช้เครื่องบินเดินทางระหว่างเมืองใหญ่สองเมือง เนื่องจากใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 15-20 นาที แต่การเดินทางด้วยเครื่องบินมีค่าใช้จ่ายราว 100-360 ดอลลาร์ (ราว 3,500 - 12,400 บาท) ขณะที่รถไฟธรรมดามีค่าใช้จ่าย 64-92 ดอลลาร์ (ราว 2,200 - 3,200 บาท)
เหงียน วาน ถาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอกว่า ผู้คนหวังว่าโครงการนี้จะได้รับการดำเนินการโดยเร็ว แต่เวียดนามต้องเตรียมพร้อมอย่างระมัดระวัง เพราะอาจเกิดผลเสียเช่นเดียวกับเส้นทางรถไฟอื่นๆ หากดำเนินการล่าช้า
ทั้งนี้ เวียดนามเป็นทางเลือกห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญมากขึ้นสำหรับประเทศจีน แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดี ทำให้การขนส่งสินค้าจากเหนือลงใต้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าขนส่งมาจากสิงคโปร์เสียอีก ดังนั้น โครงการรถไฟความเร็วสูงนี้อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายพื้นที่ของประเทศ
นอกจากโครงการดังกล่าวจะช่วยเชื่อมโยงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแล้ว รัฐสภาบอกว่า ยังสามารถตอบสนองต่อ “ข้อกำหนดการใช้งานแบบสองทาง (dual-use requirement) สำหรับการป้องกันประเทศและความมั่นคง และขนส่งสินค้าเมื่อจำเป็น”
นอกจากนี้ Vietnam News Agency รายงานว่าเวียดนามมีแผนปรับปรุงทางรถไฟเชื่อมกับจีนด้วย โดยทางรถไฟ 427 กิโลเมตร อาจผ่านตั้งแต่หล่าวกายจนถึงฮานอย และจากเมืองท่าไฮฟอง ที่ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ ไปจนถึงเมืองท่องเที่ยวอย่างเมืองฮาลอง และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2573 งบประมาณราว 7,200 ล้านดอลลาร์
ต้องระวังสร้างผลกระทบเชิงลบ
รัฐบาลเวียดนามเผยว่า เส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่มีความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนี้ อาจทำให้ประชากรราว 120,000 คน ต้องย้ายที่อยู่ และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่าคุ้มครองและนาข้าวหลายส่วน
ขณะที่ก่อนลงมติเห็นชอบ สมาชิกรัฐสภาได้มีการโต้แย้งเกี่ยวกับประเด็นผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างรถไฟความเร็วสูงหลายรายการ เช่น มลพิษจากการก่อสร้าง และการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย หากมีการผ่อนปรนกฎระเบียบการทำเหมืองของแร่ที่ได้รับการคุ้มครอง
มา ถิ ถวี (Ma Thi Thuy) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเวียดนามคนหนึ่ง ต้องการให้เวียดนามประเมินผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อย และกลุ่มที่ทำการเกษตร และแนะนำให้มีการสนับสนุนคนที่ต้องการงานใหม่ รวมถึงครอบครัวที่มีส่วนร่วมในการปฏิวัติ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อประเทศคอมมิวนิสต์
อ้างอิง: Nikkei Asia