‘ทรัมป์’ ให้คำมั่น เร่งอนุมัติใบอนุญาตให้เร็วแบบจรวด สำหรับผู้ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์
‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ให้คำมั่น ‘เร่งกระบวนการอนุมัติ’ ใบอนุญาตให้ผู้ลงทุนหนึ่งพันล้านดอลลาร์ขึ้นไปในสหรัฐ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างการลงทุนในประเทศ และเน้นย้ำถึงการลดข้อบังคับที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ว่าที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศให้คำมั่นสัญญา รัฐบาลทรัมป์จะเร่งกระบวนการอนุมัติใบอนุญาตให้กับบุคคลหรือบริษัทใดก็ตามที่ลงทุนอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 33,000 ล้านบาทในสหรัฐ
“บุคคลหรือบริษัทใดก็ตามที่ลงทุน หนึ่งพันล้านดอลลาร์หรือมากกว่านี้ในสหรัฐ จะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตอย่างเร่งด่วนเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นด้วย (ซึ่งปกติแล้วจะต้องใช้เวลานาน)” ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารในโพสต์บนเครือข่าย Truth Social ของเขา พร้อมเสริมว่า “เตรียมตัวให้พร้อม!!!”
คำมั่นสัญญาของทรัมป์นี้สอดคล้องกับคำปฏิญาณของเขาที่จะสนับสนุนการเสริมสร้างพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในประเทศอื่น ๆ รวมถึงการลดข้อบังคับของรัฐบาลกลางที่พรรครีพับลิกันกล่าวว่า “เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ”
ทั้งนี้ ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเสนอชื่อ ดั๊ก เบอร์กัม ผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโกตา ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงมหาดไทย รวมถึงอยู่ในสภาพลังงานแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นใหม่ นอกจากนี้ เขายังแต่งตั้ง คริส ไรท์ ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัฐโคโลราโด ให้เป็นผู้นำกระทรวงพลังงานอีกด้วย
เบอร์กัมเป็นผู้นำของรัฐนอร์ทดาโกตาที่มีทรัพยากรพลังงานอุดมสมบูรณ์ ขณะที่ไรท์เป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาน้ำมันและก๊าซอย่างแข็งขัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเน้นย้ำการผลิตพลังงานเองภายในประเทศ
ที่ผ่านมา การปฏิรูปกระบวนการอนุมัติ เป็นประเด็นสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เพราะเผชิญกับความล่าช้าทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ใช้เวลานานหลายปี ส่งผลให้การก่อสร้างท่อส่งใหม่ชะลอตัวลง และจำกัดการเติบโตของอุปทานก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคนี้
ประเด็นเดียวกันนี้ ยังเป็น “ข้อกังวลหลัก” สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าและบริษัทเทคโนโลยี เนื่องจากคาดว่าความต้องการใช้พลังงานในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อันเป็นผลมาจากการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานการผลิตและระบบขนส่งพลังงานใหม่
“การขาดแคลนพลังงาน” เป็นสิ่งที่ทรัมป์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ในฐานะอดีตนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจที่โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศถูก “ผูกมัดและล่าช้าอย่างมาก” จากกระบวนการอนุมัติของรัฐบาลกลางที่เชื่องช้าและยุ่งยากเกินไป
ที่ผ่านมา ภาคพลังงานเผชิญกับกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ล่าช้าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนาแหล่งน้ำมัน หรือโครงการสายส่งไฟฟ้า การล่าช้าเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการนำพลังงานสะอาดมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้มาตรการสนับสนุนของ Inflation Reduction Act ซึ่งมุ่งเน้นที่การส่งเสริมพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานสะอาดอื่น ๆ
ในขณะนี้ ทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตต่างแข่งขันกันหาวิธีที่ดีที่สุด แม้จะมีความเห็นร่วมกันในสองพรรคว่า กฎระเบียบในปัจจุบัน “ขัดขวาง” การพัฒนาแหล่งพลังงานทุกรูปแบบ แต่ก็มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของวิธีการปรับปรุงกฎระเบียบเหล่านี้ โดยผู้สนับสนุนทรัมป์ส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันเพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่นักสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมวิจารณ์การปฏิรูประบบอนุมัติที่ผลักดันโดยวุฒิสมาชิกจอห์น บาแรสโซ่ จากพรรครีพับลิกัน และโจ แมนชิน จากพรรคอิสระในเดือนกรกฎาคม โดยกล่าวว่า แผนนี้ให้ข้อเสนอที่ยอมให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซมากเกินไป
อ้างอิง: bloomberg