อากาศแปรปรวนทำพิษ ยักษ์กาแฟบราซิลจ่อขึ้นราคาปีหน้า
ยักษ์ใหญ่กาแฟบราซิลจ่อปรับขึ้นราคาภายในประเทศราว 30% เหตุราคาเมล็ดกาแฟพุ่งเพราะสภาพอากาศเลวร้าย และเกิดภัยแล้งหนักในบราซิลและเวียดนาม และคาดว่าอาจปรับขึ้นราคากาแฟในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก
บริษัทผู้ผลิตกาแฟชั้นนำของบราซิล รวมถึงเจดีอี พีตส์ (JDE Peet’s) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทกาแฟรายใหญ่สุดของโลก เตรียมปรับขึ้นราคากาแฟภายในประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นไป หลังสภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้เมล็ดกาแฟราคาพุ่งสูงขึ้น
ราคาเมล็ดกาแฟพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ โดยเมล็ดกาแฟอาราบิก้าพุ่งแตะ 3.44 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 80% แล้วในปี 2567 เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนใน “บราซิลและเวียดนาม” ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่สุดของโลก ส่งผลกระทบต่อผลผลิตกาแฟ และผู้บริโภคทั่วโลกอาจรู้สึกถึงผลกระทบได้อย่างรวดเร็วในช่วงปลายเดือนมี.ค. 2568
แหล่งข่าวผู้ค้ากาแฟสองรายอ้างอิงเอกสารที่ส่งให้ลูกค้าของบริษัท เผยกับรอยเตอร์สว่า "เจดีอี พีตส์" บริษัทผลิตกาแฟซึ่งเป็นเจ้าของกาแฟหลายแบรนด์ รวมถึงยาคอบส์ (Jacobs), ลอร์ (L’Or), ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ (Douwe Egberts) และเครื่องชงเครื่องดื่มทัสซิโม (Tassimo) เตรียมขึ้นราคากาแฟในบราซิลโดยเฉลี่ย 30 % ในปีหน้า
จากเอกสารที่รอยเตอร์สได้อ่าน ระบุว่า ผู้ผลิตกาแฟสัญชาติบราซิลรายใหญ่อื่นๆ อย่างแบรนด์ 3 Coracoes อาจขึ้นราคากาแฟราว 11% ในเดือน ม.ค. 2568 หลังจากปรับขึ้นในเดือนธ.ค. 10% ขณะที่แบรนด์ Melitta ที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในบราซิล ขึ้นราคากาแฟ 25% แล้วในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้น 12% เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ากาแฟหลายรายเผยว่า บริษัทกาแฟข้ามชาติอาจปรับขึ้นราคากาแฟในตลาดอื่นๆ ด้วย โดยหลายบริษัทอาจขึ้นราคาในช่วงปลายเดือนธ.ค. หรือช่วงต้นปี 2568 เมื่อสิ้นสุดสัญญาระยะยาวกับผู้ค้าปลีก ขณะที่ผู้ค้ากาแฟในแถบยุโรปรายหนึ่งคาดว่า ทุกบริษัทอาจขึ้นราคาในปีหน้า
เจดีอี พีตส์, 3 Coracoes และ Melitta ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ราคาค้าปลีกกาแฟจ่อพุ่ง
ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวผู้ค้ากาแฟ ระบุว่าเจดีอี พีตส์ ได้อ้างถึงปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศว่าทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคากาแฟคั่วและบด รวมถึงเมล็ดกาแฟ กาแฟผง กาแฟแบบแคปซูลและแบบคาปูชิโน่
ส่วน Melitta เผยว่า บริษัทยังคงเผชิญกับต้นทุนกาแฟที่สูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ด้านสภาพอากาศ ขณะที่ “3 Coracoes” บริษัทกาแฟร่วมทุนระหว่างบริษัท Sao Miguel ของบราซิล และบริษัท Strauss ของอิสราเอล อ้างถึงสภาพภูมิอากาศ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ บราซิลและเวียดนามต่างเผชิญกับความแห้งแล้งในปีนี้อย่างหนัก และสภาพอากาศแปรปรวนอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
ขณะที่ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเมล็ดกาแฟในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นราว 30% ผู้ค้ากาแฟในแถบยุโรปรายหนึ่งเผยว่า ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่บางรายในยุโรปวางแผนปรับขึ้นราคากาแฟที่ระดับ 10% ในช่วงปลายเดือนธ.ค. หรือช่วงต้นเดือนม.ค. ไว้เรียบร้อย และว่าผู้ซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตอาจสังเกตเห็นได้ว่าราคากาแฟจะแพงขึ้นในช่วงปลายเดือน มี.ค. ปีหน้า
พร้อมเสริมว่า แม้โดยทั่วไปแล้วการบริโภคกาแฟไม่มีความยืดหยุ่น แต่บรรดาผู้บริโภคโดยเฉพาะคนที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา อาจตอบสนองต่อราคากาแฟที่สูงขึ้นด้วยการบริโภคน้อยลง
ด้านผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การเติบโตของอุปสงค์จากผู้ผลิตกาแฟมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้บริโภคหันไปซื้อกาแฟที่ถูกกว่า ซึ่งเห็นได้จากบริษัทกาแฟ โดยเฉพาะบริษัทที่ส่งสินค้าให้ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นหลัก ขึ้นราคาสินค้าได้ยากมากในปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคหันไปหาตัวเลือกถูกกว่าท่ามกลางวิกฤติค่าครองชีพ แต่บริษัทกาแฟสามารถตอบสนองต่อราคาที่สูงขึ้นได้ เช่น การซื้อวัตถุดิบน้อยลง
ทั้งนี้ บราซิลเป็นประเทศที่บริโภคกาแฟมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ
อ้างอิง: Reuters