ค่าเช่าบ้านในจีน ‘ต่ำสุดในรอบ 4 ปี’ ผลจากอุปทานล้นตลาด

ค่าเช่าบ้านในจีน ‘ต่ำสุดในรอบ 4 ปี’ ผลจากอุปทานล้นตลาด

วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในจีนทวีความรุนแรงขึ้น ‘ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยทั่วประเทศ’ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยอุปทานล้นตลาดและความอ่อนแอของตลาดแรงงานเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาค่าเช่าให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า “ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยในจีน” ลดลงสู่ระดับ “ต่ำสุดในรอบ 4 ปี” ในเดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางปัญหาอุปทานล้นตลาดและความอ่อนแอของตลาดแรงงาน ซึ่งแนวโน้มนี้อาจทำให้ภาวะตกต่ำของราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยืดเยื้อต่อ

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Wind แสดงให้เห็นว่า ค่าเช่าใน 100 เมืองใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 2,636 หยวน หรือราว 12,000 บาท ต่อ 100 ตารางเมตรในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020

ในเมืองฉีตง มณฑลเจียงซู อพาร์ตเมนต์ขนาด 51 ตารางเมตร พร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องปรับอากาศ มีค่าเช่าเพียง 600 หยวนหรือราว 2,800 บาทต่อเดือน ซึ่งยูนิตดังกล่าวสร้างโดยบริษัท Evergrande Group ที่ล้มละลาย โดยมีราคาถูกกว่าค่าห้องพักหนึ่งคืนในโรงแรมเดียวกัน

ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเดิมมีราคา 400,000 หยวน แต่ปัจจุบันมีราคาเพียง 200,000 หยวนเท่านั้น แต่ถึงแม้ราคาลดลงเช่นนี้ ผู้ซื้อก็ยังคงต้องใช้เวลาเกือบ 30 ปีในการเช่า เพื่อที่จะได้รับเงินคืน

“ภาวะอสังหาริมทรัพย์ล้นตลาด” เป็นปัจจัยสำคัญที่กดราคาค่าเช่าทั่วประเทศ โครงการที่อยู่อาศัยของ Evergrande ในเมืองฉีตงรายงานว่า มีมากกว่า 40,000 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่ถูกซื้อเพื่อการลงทุนโดยคาดหวังว่าตลาดจะฟื้นตัว และเจ้าของกำลังปล่อยเช่าในอัตราที่ต่ำ เพื่อหวังที่จะกู้คืนเงินอย่างน้อยบางส่วนที่ลงทุนไป

สำหรับ “ค่าเช่า” ยังมีแนวโน้มลดลงในเมืองใหญ่ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวและคนหนุ่มสาวประสบปัญหาในการหางาน จนมีรายได้ลดลง ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยในเซี่ยงไฮ้ลดลง 12% จากระดับสูงสุดในเดือนมิถุนายนที่ 10,299 หยวน ในขณะที่ปักกิ่งลดลง 14% จากเดือนธันวาคม 2022 ที่ 11,444 หยวน

หลังการประชุมงานเศรษฐกิจกลางปีครั้งล่าสุด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมการการเงินและเศรษฐกิจกลางได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการโดยเร็วที่สุด เพื่อหยุดยั้งการลดลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์และฟื้นฟูเสถียรภาพ

แม้ว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จีนได้เปิดตัวโครงการมูลค่า 300,000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนการซื้อสต็อกที่อยู่อาศัยที่ยังขายไม่ได้ แต่จนถึงขณะนี้มีการใช้เงินไปเพียง 16,200 ล้านหยวนเท่านั้น

ตามข้อมูลจาก Ping An Securities การซื้อที่อยู่อาศัยทั้งหมดของประเทศ รวมถึงคอนโดมิเนียมที่วางขายอยู่ในปัจจุบันและที่ยังไม่ได้วางตลาด จะทำให้รัฐบาลต้องใช้เงินประมาณ 14.9 ล้านล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนในปี 2023

อ้างอิง: nikkei