วิเคราะห์โศกนาฏกรรม ‘เจจูแอร์’ สาเหตุหลักไม่ใช่แค่ 'นกบินชน'

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน เผยเมื่อวันอาทิตย์ (29 ธ.ค.67) ว่า โศกนาฏกรรม เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ ที่ร้ายแรงที่สุดใน เกาหลีใต้ ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเกิดคำถามมากมายต่อเหตุการณ์นกบินชนเครื่องบินว่ามีโอกาสส่งผลกระทบให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวมากเพียงใด

วิดีโอจากสื่อท้องถิ่นเผยให้เห็นภาพว่า เครื่องบิน สายการบิน เจจูแอร์ เที่ยวบิน 7C2216 ไถลออกนอกรันเวย์โดยไม่มีล้อลงจอด หลังจากนั้นชนเข้ากับกำแพง และเกิดระเบิดไฟลุกไหม้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย จากผู้โดยสาร และลูกเรือทั้งหมด 181 ราย

เกรกอรี อาเลจี ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน และอดีตอาจารย์สถาบันกองทัพอากาศอิตาลี กล่าว

“ตอนนี้มีคำถามมากมายเกินกว่าที่เราจะตอบได้ ทั้งเรื่องทำไมเครื่องบินลงมาเร็วขนาดนั้น ทำไมปีกสร้างแรงยกไม่เปิดออก ทำไมล้อไม่กางออกมา”

ตอนนี้ทางการเกาหลีใต้กำลังสืบสวนสาเหตุการไถลของเครื่องบินเจจูแอร์ รวมถึงผลกระทบจากการที่นกบินชนเครื่องบิน และสภาพอากาศในขณะนั้น

จู จองวาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า ความยาวของรันเวย์ 2,800 เมตร ไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ และกำแพงที่ปลายรันเวย์สร้างขึ้นตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

ด้านโฆษกจากเจจูแอร์ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นทันทีที่รอยเตอร์สติดต่อไป และเจจูแอร์ปฏิเสธแสดงความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของโศกนาฏกรรมในระหว่างแถลงข่าว โดยบอกว่ากำลังอยู่ภายใต้การสืบสวน

คริสเตียน เบ็กเคิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยการบิน และนักบินของสายการบินลุฟท์ฮันซา เผยว่า จากวิดีโออุบัติเหตุที่เผยแพร่ สันนิษฐานได้ว่า นอกจากปัญหาเกี่ยวกับระบบย้อนแรงขับ (reversers) แล้ว ระบบเบรกเกือบทั้งหมดของเครื่องบินอาจไม่ทำงาน ทำให้เกิด “ปัญหาใหญ่” เครื่องบินจึงลงจอดด้วยความเร็วสูง

ส่วนปัญหาจากนกบินชน เบ็กเคิร์ต บอกว่า ไม่น่าจะทำให้ล้อลงจอดเสียหายในขณะที่ล้อยังไม่กาง และหากเกิดขึ้นจริงตอนกางออก ก็ยกล้อขึ้นอีกครั้งได้ยาก

“มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ และไม่ปกติมากๆ ที่ล้อไม่กาง เพราะมีระบบอิสระที่เราสามารถกางล้อด้วยระบบทางเลือกได้” เบ็กเคิร์ต กล่าว และเสริมว่าการสืบสวนจะช่วยให้เห็นภาพชัดมากขึ้น

ภายใต้ กฎระเบียบการบินโลก เกาหลีใต้ จะเป็นผู้นำในการสืบสวนทางแพ่ง และให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติในสหรัฐ ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตเครื่องบินเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ทางการเกาหลีใต้พบเครื่องบันทึกข้อมูลการบินแล้วในวันอาทิตย์ เมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 2 ชั่วโมงครึ่งหลังเกิดเหตุ และกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบินพบเมื่อเวลา 14.24 น.

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า อุบัติเหตุทางอากาศมักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ และต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ

ไล่เลียงเหตุการณ์ เครื่องบิน เจจูแอร์ ตก

เจ้าหน้าเผยว่า ภายในเวลาไม่กี่นาที หลังหอควบคุมได้รับแจ้งเตือนว่ามีนกชน นักบินได้ประกาศขอความช่วยเหลือ และพยายามลงจอด แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีนกชนเครื่องบินจริงหรือไม่

จอฟฟรีย์ โทมัส บรรณาธิการแอร์ไลน์นิวส์ เผยว่า การชนของนกไม่ใช่เรื่องแปลก ปัญหาที่ช่วงล่างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เหตุการณ์นกชนเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่านั้นมาก แต่ปกติแล้วไม่ได้ทำให้เครื่องบินเสียหาย

จอฟฟรีย์ เดลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสายการบินออสเตรเลีย บอกว่า การที่นกชนเครื่องบินอาจส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ของบริษัทซีเอฟเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล (CFM International) ได้ หากมีฝูงนกบินเข้าไป แต่จะไม่ทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงานในทันที และนักบินจะมีเวลารับมือกับสถานการณ์นี้

เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคม เผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเตือนนกบินชน และประกาศขอความช่วยเหลือ นักบินได้พยายามลงจอดบนรันเวย์จากทิศทางตรงข้ามกับลม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้มาร์โก ชาน อาจารย์อาวุโสด้านปฏิบัติการการบิน จากมหาวิทยาลัยบักกิงแฮมเชียร์นิว และอดีตนักบิน เกิดข้อสงสัยมากมาย

“การเปลี่ยนแผนจอดทิศทางตรงข้ามค่อนข้างช้า ทำให้เตรียมการไม่ทัน" ชานกล่าว และเสริมว่าสถานการณ์มีข้อมูลไม่เพียงพอ ต้องคาดเดาไปต่างๆ นานา

รัฐบาลเกาหลีใต้เผยว่า กัปตันเจจูแอร์ เครื่องบิน โบอิง 737-800 ทำงานในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2562 และมีชั่วโมงบินรวม 6,823 ชั่วโมง ส่วนผู้ช่วยนักบิน ทำงานในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2566 และมีชั่วโมงบินรวมราว 1,650 ชั่วโมง

เครื่องบินรุ่น 737-800 ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินโดยสารที่สายการบินต่างๆ ใช้งานมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีประวัติด้านความปลอดภัยสูง และได้รับการพัฒนาอย่างดีมานานก่อนเครื่องบินรุ่นแม็กซ์  ที่ทำให้บริษัทโบอิงตกอยู่ในวิกฤติความปลอดภัย

อาเลจี ผู้เชี่ยวชาญการบินชาวอิตาลีย้ำว่า เหตุนกชนเครื่องบินอย่างเดียวไม่สามารถบ่งชี้ถึงขนาดของหายนะได้

“แน่นอนว่าอาจมีนกบินชน แต่ผลที่ตามมามันใหญ่หลวงเกินกว่าจะบอกว่าเป็นสาเหตุโดยตรงของอุบัติเหตุนี้”

 

 

อ้างอิง: Reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์