‘ทรัมป์’ ระงับความช่วยเหลือ ‘แอฟริกาใต้’ อ้างการแบ่งแยก-ยึดที่ดิน 'คนผิวขาว'

‘ทรัมป์’ ระงับความช่วยเหลือ ‘แอฟริกาใต้’ อ้างการแบ่งแยก-ยึดที่ดิน 'คนผิวขาว'

"ทรัมป์" ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร ระงับความช่วยเหลือ "แอฟริกาใต้" อ้างมีกฎหมายยึดที่ดิน โดยไม่ให้เงินชดเชยกับคนผิวขาว และเลือกปฏิบัติต่อคนผิวขาว ด้านกระทรวงการต่างประเทศแอฟริกาใต้โต้ "สหรัฐ" ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์และกฎหมายของประเทศที่ "ถูกล่าอาณานิคมจากคนขาว"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันศุกร์ (7 ก.พ.) มุ่งเป้าระงับการให้ความช่วยเหลือแก่แอฟริกาใต้ เนื่องจากกฎหมายที่มีข้อขัดแย้งที่อนุญาตให้รัฐบาลยึดที่ดินทำกินของชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะเกษตรกรผิวขาว โดยไม่ให้เงินชดเชย และแอฟริกามีจุดยืนต่อต้านอิสราเอลที่ทำสงครามในกาซา

ทรัมป์ระบุในคำสั่งว่า สหรัฐจะไม่สนับสนุนแอฟริกาใต้ด้วยงบฯ ให้ความช่วยเหลือต่างๆ หากนโยบายยึดที่ดินที่ทรัมป์อ้างว่าเป็นการ "ละเลยต่อพลเมืองของตนอย่างน่าสลด” และเป็น “การละเมิดสิทธิมนุษยชน” ยังคงดำเนินต่อไป หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐจะยุติการให้ความช่วยเหลือใดๆ ต่อแอฟริกาใต้ เว้นแต่กรณีจำเป็น

คำสั่งของทรัมป์ยังระบุโดยตรงด้วยว่า ให้สหรัฐช่วยเหลือชาวแอฟริกัน ที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่สืบเชื้อสายมาจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปที่หลบหนีออกจากแอฟริกาใต้เพราะถูกเลือกปฏิบัติ รวมถึงให้ความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ในการตั้งถิ่นฐานใหม่ผ่านโครงการผู้ลี้ภัย

นอกจากนี้ ทรัมป์ระบุในคำสั่งอีกว่า แอฟริกาใต้มีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อสหรัฐและพันธิมตรของสหรัฐ ผ่านจุดยืนที่มีต่ออิสราเอล และมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่าน

ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ออกมาปฏิเสธก่อนหน้านี้ว่า ทางการแอฟริกาใต้ไม่ได้ยึดที่ดิน และบอกว่าประเทศของตนกำลังรอคอยที่จะร่วมงานกับรัฐบาลของทรัมป์ในด้านนโยบายปฏิรูปที่ดิน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศแอฟริกา มองว่าคำสั่งดังกล่าว "สร้างความน่ากังวลอย่างมาก" โดยบอกว่าเป็นคำสั่งที่ "ขาดข้อมูลที่ถูกต้องและไม่รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งและเจ็บปวดจากการล่าอาณานิคมและการแบ่งแยกผิวสีในแอฟริกาใต้“ และเสริมว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว “เป็นแคมเปญของข้อมูลผิดๆ และการโฆษณาชวนเชื่อที่มุ่งนำเสนอข้อมูลเท็จต่อประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเรา”

“เป็นเรื่องน่าขันที่คำสั่งของฝ่ายบริหารให้สถานะผู้ลี้ภัยในสหรัฐ แก่กลุ่มคนในแอฟริกาใต้ที่ยังคงได้รับสิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจสูงสุด ขณะที่คนเปราะบางในสหรัฐจากส่วนอื่นๆ ของโลกกลับถูกเนรเทศและปฏิเสธสถานะผู้ลี้ภัย แม้จะเผชิญกับความยากลำบากอย่างแท้จริง” กระทรวงการต่างประเทศระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (8 ก.พ.)

คำสั่งระงับความช่วยเหลือดังกล่าวมีขึ้นขณะที่รัฐบาลของทรัมป์ได้ระงับความช่วยเหลือต่างชาติเกือบทั้งหมดแล้ว และดำเนินการยุบหน่วยงาน USAID

ทั้งนี้ ในอดีตแอฟริกาใต้มีนโยบายเหยียดเชื้อชาติหลายรายการ อาทิ การบังคับให้ชาวแอฟริกาใต้ผิวดำและคนที่ไม่ใช่ผิวขาว ย้ายออกจากที่ดินเพื่อให้คนผิวขาวใช้แทน ต่อมารัฐธรรมนูญของประเทศได้บัญญัติเกี่ยวกับการกระจายที่ดินและการเวนคืนที่ดินไว้ ตั้งแต่แอฟริกาใต้หลุดพ้นจากยุคการแบ่งแยกสีผิวและจัดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครั้งแรกในปี 1994

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการว่างงานและความยากจนยังคงรุนแรงในกลุ่มชาวแอฟริกาใต้ผิวดำ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 80% ของประชากร แต่เป็นเจ้าของที่ดินเพียงเศษเสี้ยวเดียว

เมื่อเดือนม.ค. ปธน.รามาโฟซาได้ลงนามในร่างกฎหมายที่กำหนดแนวทางใหม่ในการเวนคืนที่ดิน รวมถึงการอนุญาตให้รัฐบาลเวนคืนที่ดินโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในบางกรณี

ตามข้อมูลในเว็บไซต์ความช่วยเหลือต่างชาติของสหรัฐ (US Foreign Assistance) ระบุว่า สหรัฐให้ความช่วยเหลือแก่แอฟริกาใต้เกือบ 440 ล้านดอลลาร์ (ราว 15,000 ล้านบาท) ในปี 2566 ซึ่งได้เงินจากหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (Agency for International Development: USAID) เพียงหน่วยงานเดียว มากกว่า 270 ล้านดอลลาร์ (ราว 9,100 ล้านบาท)

 

อ้างอิง: CNN