บทเรียน กาสิโนในตุรกี...รัฐบาล vs. มาเฟีย!?

จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา ได้แก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรแล้วเสร็จ และคาดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในวันอังคารที่ 11 มีนาคม 2568
เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้านเกี่ยวกับการเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ผู้เขียนขอนำเสนอหนึ่งในประเทศที่มีบริบททางสังคมและเศรษฐกิจคล้ายคลึงกับประเทศไทย นั่นคือ ประเทศตุรกี
ในปี 2533 ประธานาธิบดี Turgut Özal มีแนวคิดจะสร้างกาสิโนที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Monte Carlo เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว การตรากฎหมายเพื่ออนุญาตให้มีกาสิโน ส่งผลให้ธุรกิจนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี ตุรกีเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชันในระดับรุนแรงตลอดมา
จากการสำรวจโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ปี 2567 พบว่า ในขณะที่เดนมาร์กและสิงคโปร์มีการคอร์รัปชันต่ำที่สุดในโลกลำดับที่ 1 และ 3 (ได้คะแนน 90 และ 84 ตามลำดับ โดยคะแนนที่สูง หมายถึงการคอร์รัปชันที่ต่ำ) ตุรกีและไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 107 ได้คะแนนที่ 34 เท่ากัน
การที่กลไกของรัฐไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศตุรกี เป็นสถานที่ซ่องสุมโดยมีกฎหมายรองรับของกลุ่มทุน นักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เกิดเป็นขบวนการมาเฟีย และแหล่งฟอกเงินดำ
ซึ่งบุคคลที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐที่คอร์รัปชัน มีความชอบธรรมที่จะเข้าไป เพื่อเปลี่ยนเงินเลวให้เป็นเงินดีได้โดยง่าย
นอกจากนี้ การตรากฎหมายอนุญาตให้มีกาสิโนในประเทศ ทำให้มีการแพร่หลายของ slot machines ในบาร์และร้านอาหารทั่วประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้
คนตุรกีส่วนใหญ่จึงติดการพนัน ปรากฏข่าวการฆ่าตัวตาย การปล้นจี้ชิงทรัพย์ และคนตุรกีถูกสังหารโดยมาเฟียด้วยมูลเหตุจากการพนันกาสิโน อย่างต่อเนื่อง
เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องแก้ไขกฎระเบียบเพื่อให้การดำเนินธุรกิจกาสิโนมีความเข้มงวดมากขึ้น เช่น การจำกัดเวลาให้บริการของบ่อนกาสิโน และการออกคำสั่งให้ธุรกิจกาสิโนจ่ายเงินรางวัลด้วยเช็ค
อย่างไรก็ดี รัฐบาลไม่สามารถทำให้การกระทำความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโนลดลงได้เลย เพราะบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายถูกควบคุมโดยขบวนการมาเฟีย ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับทหาร ตำรวจ นักการเมือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐ
เหตุการณ์สังหารหนึ่งในเจ้าพ่อธุรกิจกาสิโน ประกอบกับปัญหาความยากจน ครอบครัวที่ล่มสลาย และอาชญากรรมในระดับวิกฤติ และเหตุผลทางศาสนา
ทำให้ชาวตุรกีจำนวนมากได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านการมีกาสิโนในประเทศ จนในที่สุดรัฐสภาได้ออกกฎหมายเพื่อปิดกาสิโนในปี 2539 (Casino Ban Act of 1996) เพียง 6 ปี หลังจากรัฐสภาได้มีการอนุมัติให้มีกาสิโนถูกกฎหมายเท่านั้น
แม้ว่าประธานาธิบดี Suleyman Demirel ผู้นำประเทศในขณะนั้นจะใช้อำนาจ VETO ไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่า อุตสาหกรรมกาสิโนสร้างรายได้และก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศ แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจสู้พลังของประชาชนและสมาชิกรัฐสภาที่มีสำนึกต่อแผ่นดินเกิดได้
ภายหลังกาสิโนถูกปิดโดยสิ้นเชิงในปี 2541 กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้วพบว่า มหาเศรษฐีซึ่งเป็นเจ้าของกาสิโนมากกว่า 20 แห่ง ได้ยักยอกเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปไว้ที่ธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
โดยนักธุรกิจรายนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศ แต่ต่อมารัฐบาลได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมด้านภาษี ทำให้มหาเศรษฐีหนีคดีคนนี้เดินทางกลับประเทศตุรกี
การวาดฝันของนักการเมืองในประเทศที่มีการคอร์รัปชันระดับวิกฤติ ว่าจะมีกาสิโนเลื่องชื่อระดับโลกเช่น Monte Carlo แต่สุดท้ายประเทศกลับกลายเป็นดินแดนมิคสัญญี แผ่นดินลุกเป็นไฟ
น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยว่า ประเทศตนมีนักการเมือง ข้าราชการ และผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่ทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่
เพราะในกรณีดังกล่าว การมีกาสิโนถูกกฎหมายก็จะเป็นสวรรค์ของขบวนการมาเฟีย แต่มันคือนรกบนดินของคนไทยทั้งชาติ!