เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผลประโยชน์ต้องได้คุ้มเสีย

และจะต้องตรวจแก้และปรับปรุงร่างกฎหมายเพื่อส่งกลับไปที่ ครม.ภายใน 50 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 6 มี.ค.2568 โดยที่ผ่านมามีความเห็นที่หลากหลายต่อการผลักดันนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

นโยบายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นนโยบายที่มีทั้งผลดีและผลเสียต่อเศรษฐกิจ โดยจำเป็นที่รัฐบาลควรรับฟังความเห็นของทุกกลุ่ม เพราะสถานบันเทิงครบวงจรมีการกำหนดให้มีการลงทุนกาสิโนรวมอยู่ด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงคัดค้านการนำกาสิโนแบบถูกกฎหมาย เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงการพนันของคนไทย ดังนั้นภาครัฐจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ที่รัดกุมสำหรับผู้เล่นกาสิโนที่เป็นคนไทย และต้องเป็นกฎเกณฑ์ที่ควบคุมได้จริงเพื่อป้องกันปัญหาทางสังคมตามมา

นอกจากนี้ มีข้อเสนอให้มีการถอดบทเรียนการบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนในต่างประเทศ ซึ่งมีต้นแบบอยู่หลายพื้นที่ทั่วโลก โดยที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าการดำเนินธุรกิจสีเทาในประเทศไทยขยายวงกว้างและกลายมาเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งทำให้ประเทศไทยถูกกดดันจากหลายประเทศให้เข้ามาแก้ปัญหา เช่น ประเทศจีน ดังนั้นจึงจำเป็นที่ภาครัฐต้องวางกฎเกณฑ์และการควบคุมไม่ให้ธุรกิจสีเทาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร

เป็นที่แน่นอนแล้วว่ารัฐบาลเดินหน้าโครงการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเต็มที่ โดยมีการยกร่างกฎหมายที่ใกล้จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา รวมทั้งมีการกำหนดพื้นที่รองรับการลงทุนแล้ว ซึ่งได้มีการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อให้สามารถนำที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มาใช้ดำเนินเนินการกิจการอื่นนอกเหนือจากการให้บริการท่าเรือ และในส่วนนี้มีการกันพื้นที่สำหรับการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร

การบริหารจัดการสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนจึงจำเป็นต้องมีนโยบายควบคุมที่เข้มงวด เพื่อให้นโยบายสถานบันเทิงครบวงจร “ได้มากกว่าเสีย” โดยจะต้องบริหารจัดการให้ได้โครงการที่นับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุน กระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน และช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะต้องทำให้สถานบันเทิงครบวงจรมีส่วนที่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง