ทรัมป์ยัน ‘กำแพงภาษี’ ดีต่อเศรษฐกิจ ซีอีโอตั้งคำถาม จุดจบคืออะไร?

ทรัมป์ยัน ‘กำแพงภาษี’ ดีต่อเศรษฐกิจ  ซีอีโอตั้งคำถาม จุดจบคืออะไร?

ทรัมป์ยืนยันต่อซีอีโอยักษ์ใหญ่ ‘กำแพงภาษี’ ดีต่อเศรษฐกิจ เหล่าธุรกิจตั้งคำถาม จุดจบ ‘สงครามการค้า’ คืออะไร? หลังตลาดหุ้นปั่นป่วน

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้พบปะเหล่าซีอีโอจากบริษัทยักษ์ หลังจากวันที่ 10 ม.ค.68 ราคาหุ้น และมูลค่าบริษัทร่วงลงอย่างหนัก จากนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ที่ยังคงเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้า 

สงครามการค้าดุเดือด สร้างความไม่แน่นอนในตลาด และทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น ทำให้มูลค่าตลาดของดัชนี S&P 500 หายไปเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดในก.พ.

 

 ‘กำแพงภาษี’ ดีต่อเศรษฐกิจ

ทรัมป์ กล่าวต่อหน้าผู้นำธุรกิจในการประชุม  Business Roundtable ซึ่งมีซีอีโอกว่า 200 คนเป็นสมาชิก รวมทั้งทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล , เจมี่ ไดมอน ซีอีโอ เจพีมอร์แกน เชส และดักลาส แมคมิลลอน (ซีอีโอวอลมาร์ต) ต่างก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ BRT  

ทรัมป์ยืนยันว่า “ภาษีที่เขาได้ประกาศใช้ไปแล้วนั้นสร้างผลดีอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจ”

จุดจบของ ‘สงครามการค้า’ คืออะไร?

ก่อนหน้านี้บรรดาธุรกิจในสหรัฐตั้งความหวังต่อเศรษฐกิจในสหรัฐจากนโยบายลดกฎระเบียบ และลดภาษีของทรัมป์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทรัมป์กลับใช้เวลาทั้งหมดไปกับนโยบาย “ภาษีนำเข้า” ทำให้บริษัทขนาดใหญ่กว่า 900 แห่ง จากทั้งหมด 1,500 แห่ง เร่งหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 ที่ผ่านมา

โรเบิร์ต ไอซอม ซีอีโอของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ กล่าวในงานประชุมอุตสาหกรรมของเจพีมอร์แกน ว่า "ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาใหญ่"

ขณะเดียวกัน คาร์สเทน โนเบล ซีอีโอของบริษัท เฮงเค็ล จากเยอรมนี เห็นถึง "ความลังเล" ในสหรัฐ ทั้งในกลุ่มผู้บริโภค และภาคอุตสาหกรรม จากนโยบายของทรัมป์

โรเบิร์ต พาฟลิค ผู้จัดการกองทุนจาก Dakota Wealth ตั้งคำถามถึงสงครามการค้าของทรัมป์ว่า "เป้าหมายสุดท้ายคือ อะไรกันแน่? ภาษีนำเข้าเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร? ยังไม่มีใครได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย" 

พร้อมเสริมว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ที่นักวิเคราะห์จะสร้างแบบจำลองทางเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์ผลกระทบได้ ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของนโยบายเหล่านี้คืออะไร”

ทรัมป์เดินหน้า ‘สงครามการค้า’

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของทรัมป์ ต่อแคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงความชัดเจนตามที่ภาคธุรกิจเรียกร้อง และไม่สนใจความกังวลว่าแผนการเพิ่ม การเก็บภาษีนำเข้าอาจนำไปสู่สงครามการค้าที่ไม่อาจควบคุมได้

วานนี้(11มี.ค.68)ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างกะทันหัน หลังจากที่รัฐออนแทรีโอประกาศมาตรการตอบโต้การยั่วยุของทรัมป์ด้วยการขึ้นภาษีการส่งออกไฟฟ้าไปยังสหรัฐ ทรัมป์จึงตอบโต้ทันทีด้วยการประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าอะลูมิเนียม และเหล็กกล้าจากแคนาดาเพิ่มเป็น 2 เท่า

ในวันเดียวกันนั้น นายกรัฐมนตรี ดักลาส ฟอร์ด แห่งรัฐออนแทรีโอได้ประกาศว่าเขาตัดสินใจระงับแผนการเก็บภาษีพลังงานชั่วคราว หลังจากได้หารือกับ ฮาวเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ จากนั้นรัฐบาลทรัมป์ก็ประกาศว่าจะไม่ขึ้นภาษีเหล็ก และอะลูมิเนียมจากแคนาดาเป็น 50% ตามที่ทรัมป์เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้

ในขณะเดียวกัน มาตรการภาษีตอบโต้ของจีนที่มีต่อสินค้าเกษตรหลายชนิดของสหรัฐได้เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา  และผู้นำทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับ "ภาษีศุลกากรตอบโต้" ที่ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.เป็นต้นไป

‘หุ้นร่วง’ เป็นเรื่องปกติ

ก่อนหน้านี้ทรัมป์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า “มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้หรือไม่?” ซึ่งทรัมป์ตอบว่า "ผมไม่อยากคาดเดาอะไรแบบนั้น

รัฐบาลสหรัฐพยายามลดความสำคัญของการเทขายหุ้นอย่างรุนแรงในตลาด โดยมองว่าการติดตามการกระทำของผู้นำธุรกิจนั้นสำคัญกว่าการขึ้นลงของราคาหุ้นในระยะสั้น

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นรายวันเป็นเพียงภาพเล็กๆ ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูง โดยย้ำว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์