เบสเซนต์ยันทำเนียบขาวกำลังป้องกันวิกฤตการเงินรอบใหม่

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ ยืนยันรัฐบาลของทรัมป์มุ่งที่จะป้องกันวิกฤตการณ์ทางการเงินโดยตัดการใช้จ่ายลง แต่ไม่รับประกันว่า เศรษฐกิจจะไม่ถดถอย
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (16 มี.ค.) ว่ารัฐบาลของทรัมป์มุ่งเน้นที่จะป้องกันวิกฤตการณ์ทางการเงินที่อาจเป็นผลมาจากการใช้จ่ายของรัฐบาลจำนวนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แต่เบสเซนต์ไม่รับประกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ถดถอย
“สิ่งที่ผมรับประกันได้คือเราจะต้องประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงิน ผมศึกษาเรื่องนี้และสอนเรื่องนี้ และหากเราใช้จ่ายในระดับนี้ต่อไป ทุกอย่างก็จะไม่ยั่งยืน” เบสเซนต์กล่าวในรายการ Meet the Press ของทีวีเอ็นบีซี “เรากำลังเริ่มต้นใหม่ และเรากำลังนำทุกอย่างไปสู่เส้นทางที่ยั่งยืน”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านการคลังของรัฐบาลนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยเขาได้จัดตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า “กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล” ซึ่งนำโดยอีลอน มัสก์ เพื่อเป็นแกนนำในการเลิกจ้างพนักงานและให้แรงจูงใจในการเกษียณอายุก่อนกำหนดในหน่วยงานของรัฐบาลกลางหลายแห่ง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้สาธารณะและการขาดดุลของสหรัฐฯ กลับแย่ลงในเดือนแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณในเดือนกุมภาพันธ์ทะลุหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์
เบสเซนท์ตั้งข้อสังเกตว่า “ไม่มีการรับประกัน” ว่าจะไม่มีภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในช่วงหลังนี้ ตลาดอยู่ในภาวะผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากมาตรการการขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ในระดับสูงและกว้างขวาง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับฐานโดยลดลง 10% จากระดับสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น
เบสเซนท์เชื่อว่าการย่อตัวลงเช่นเดียวกับที่ตลาดเป็นอยู่ในขณะนี้ไม่เป็นอันตราย และนโยบายที่สนับสนุนธุรกิจของทรัมป์จะช่วยกระตุ้นตลาดและเศรษฐกิจในระยะยาว
“ผมอยู่ในธุรกิจการลงทุนมา 35 ปีแล้ว และผมบอกคุณได้เลยว่าการปรับฐานลงนั้นเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องปกติ” เขากล่าว “สิ่งที่ไม่ดีคือตลาดที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยอารมณ์เคลิบเคลิ้ม นั่นคือวิธีที่คุณก่อให้เกิดวิกฤตทางการเงิน จะดีกว่านี้มาก หากมีใครสักคนเหยียบเบรกในปี 2006 และ 2007 เราคงจะไม่มีปัญหาเศรษฐกิจในปี 2008”
“ผมไม่กังวลเกี่ยวกับตลาด ในระยะยาว หากเรามีนโยบายภาษีที่ดี การยกเลิกกฎระเบียบ และมีความมั่นคงด้านพลังงาน ตลาดจะดีขึ้น” เบสเซนท์กล่าวเสริม “ผมว่า สัปดาห์เดียวไม่สามารถทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงได้”