รัฐบาลทรัมป์หนุนน้ำมันเต็มที่! ชี้โลกร้อนไม่ถือเป็นภัยคุกคาม

รัฐบาลทรัมป์หนุนน้ำมันเต็มที่! ชี้โลกร้อนไม่ถือเป็นภัยคุกคาม

รัฐบาลทรัมป์ย้ำการสนับสนุน ‘อุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และการขุดแร่’ มองบริษัทเหล่านี้เป็น ‘ลูกค้า’ ที่ช่วยเสริมรายได้ของชาติ พร้อมชี้ว่า ‘พลังงานหมุนเวียน’ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รับผิดชอบนโยบายพลังงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เน้นย้ำแก่ผู้บริหารใน “อุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และการขุดแร่” ในสัปดาห์นี้ว่า วอชิงตันมุ่งมั่นที่จะทำให้การขุดเจาะพลังงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น และง่ายดายที่สุด

ดั๊ก เบอร์กัม รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าวกับเหล่าผู้บริหารในการประชุมพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกว่า รัฐบาลทรัมป์ ไม่ถือว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นภัยคุกคามที่มีผลกระทบถึงความอยู่รอดของมนุษยชาติ 

ขณะที่คริส ไรท์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกล่าวว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกเป็นเพียงผลพลอยได้จากการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ

นอกจากนี้ เบอร์กัมได้กล่าวชื่นชมอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซอย่างล้นหลามในการกล่าวสุนทรพจน์ที่งานประชุม CERAWeek โดย S&P Global

“ผมจะพูดสองคำที่คิดว่า คุณคงไม่เคยได้ยินจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางในสมัยไบเดนในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา และสองคำนั้นก็คือ ขอบคุณ” เบอร์กัมกล่าว โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโคตา ซึ่งเป็นรัฐที่ผลิตน้ำมันได้ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

เบอร์กัมใช้ประสบการณ์จากการทำงานในฐานะผู้บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ เพื่ออธิบายมุมมองของเขาต่อบทบาทของกระทรวงมหาดไทย โดยมองว่าบริษัทที่พัฒนาทรัพยากรในพื้นที่ของรัฐบาลกลาง เป็น “ลูกค้า” ที่มีส่วนสร้างรายได้ให้งบประมาณของชาติ

“ถ้ามีใครส่งรายได้ให้ผม พวกเขาก็ไม่ใช่ศัตรู แต่พวกเขาคือ ลูกค้า” เบอร์กัมกล่าว ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารของทรัมป์ยินดีต้อนรับทุกคนที่ต้องการตัดไม้ ขุดแร่สำคัญ เลี้ยงสัตว์ หรือผลิตน้ำมันและก๊าซในพื้นที่ของรัฐบาลกลาง

เบอร์กัมชี้ว่า ค่าภาคหลวงที่ได้รับจากข้อตกลงเช่าพื้นที่ของรัฐบาลกลาง จะช่วยให้สหรัฐสามารถลดหนี้สาธารณะและทำให้งบประมาณสมดุลมากขึ้น

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “มูลค่าทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศนั้น “สูงกว่า” หนี้สาธารณะที่มีมูลค่า 36 ล้านล้านดอลลาร์ของประเทศมาก หากตลาดการเงินเข้าใจมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติของอเมริกา อัตราดอกเบี้ยระยะยาว 10 ปีก็จะลดลง”

“อัตราดอกเบี้ยในตอนนี้ เป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดที่เรามีในฐานะประเทศ” “ดังนั้นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องทำก็คือการปลดปล่อยงบประมาณของอเมริกา และประธานาธิบดีทรัมป์กำลังช่วยเราในการทำเช่นนั้น” เบอร์กัมกล่าว

ก่อนหน้านี้ เบอร์กัมวิจารณ์รัฐบาลไบเดนเกี่ยวกับนโยบายลดโลกร้อนว่าเป็น “อุดมการณ์” พร้อมให้ความเห็นว่า การที่อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และจีนชนะการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ เป็นภัยคุกคามที่กระทบถึงความอยู่รอดของสหรัฐ “มากกว่า” ภาวะโลกร้อน 

ขณะที่ไรท์มองว่า ไบเดนมีความเชื่อที่ “คับแคบ” และ “เกือบจะเหมือนศาสนา” ในการลดก๊าซเรือนกระจก จนทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ

ทั้งเบอร์กัมและไรท์ “ปฏิเสธ” นโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานหมุนเวียน โดยให้เหตุผลว่า พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานจาก AI และการฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้

“ไม่มีทางเลยที่พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่จะมาแทนที่การใช้งานต่างๆ ของก๊าซธรรมชาติ ผมยังไม่ได้กล่าวถึงน้ำมันหรือถ่านหินเลย” ไรท์กล่าวในการประชุม โดยไรท์เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัทให้บริการน้ำมัน Liberty Energy และเป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Oklo สตาร์ทอัพด้านพลังงานนิวเคลียร์


อ้างอิง: cnbc