‘ทรัมป์-เซเลนสกี’ให้คำมั่นร่วมมือยุติสงครามในยูเครน

‘ทรัมป์-เซเลนสกี’ให้คำมั่นร่วมมือยุติสงครามในยูเครน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้คำมั่นร่วมมือกันยุติสงครามของรัสเซียในยูเครน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันพุธ (19 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทรัมป์และเซเลนสกีได้หารือกันทางโทรศัพท์ เป็นการพูดคุยครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งคู่ปะทะคารมกันที่ห้องทำงานรูปไข่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.

  • ปากคำทำเนียบขาว

ทำเนียบขาวเรียกการพูดคุยโทรศัพท์หนึ่งชั่วโมงนี้ว่า “เยี่ยมยอด” เซเลนสกีขอบคุณทรัมป์สำหรับการสนับสนุนของสหรัฐ ผู้นำทั้งสองเห็นชอบให้ทีมเทคนิคพบกันในซาอุดีอาระเบียเร็วๆ นี้ เซเลนสกีขอการสนับสนุนป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมจากทรัมป์เพื่อปกป้องประเทศจากการโจมตีของรัสเซีย ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า เขาจะช่วยเคลื่อนย้ายอาวุธที่จำเป็นในยุโรป

ทรัมป์เล่าให้เซเลนสกีฟังเรื่องการคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (18 มี.ค.) ว่า ปูตินปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงสมบูรณ์แบบ 30 วัน ที่ทรัมป์ต้องการและยูเครนพร้อมยอมรับแต่เห็นชอบเรื่องหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

แต่จะหยุดได้จริงหรือไม่ยังน่าสงสัย เพราะในวันพุธ รัฐบาลมอสโกกล่าวว่า ยูเครนโจมตีคลังน้ำมันทางตอนใต้ของรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลเคียฟกล่าวว่า รัสเซียโจมตีโรงพยาบาล บ้านเรือน เส้นทางรถไฟบางแห่งไม่มีไฟฟ้าใช้

กระนั้น ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างกัน ต่างฝ่ายต่างปล่อยทหารไปแล้วฝ่ายละ 175 นายตามข้อตกลงที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อำนวยความสะดวกให้ มอสโกกล่าวว่า ได้ปล่อยทหารยูเครนบาดเจ็บเพิ่มอีก 22 นาย เพื่อแสดงท่าทีเป็นมิตร

  • ปากคำเซเลนสกี

สำหรับการสนทนากับทรัมป์ เซเลนสกีกล่าวว่าเป็นการพูดคุยที่ “สร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา ได้เนื้อหาอย่างยิ่ง” เขายืนยันว่า เคียฟพร้อมยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซีย และจะยอมรับการหยุดยิงในแนวหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไขตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐเสนอมาก่อนหน้านี้

“หนึ่งในก้าวย่างแรกๆ ที่จะนำไปสู่การยุติสงครามเต็มรูปแบบอาจเป็นการยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนอื่นๆ ผมสนับสนุนก้าวนี้ และยูเครนยืนยันว่า เราพร้อมที่จะปฏิบัติ” เซเลนสกีกล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย

ต่อมาประธานาธิบดียูเครนแจ้งผู้สื่อข่าวทางวีดิโอคอลว่า ทรัมป์เข้าใจว่าเคียฟจะไม่ยอมรับว่าดินแดนที่ถูกยึดครองเป็นดินแดนของรรัสเซีย การโจมตีของรัสเซีย หลังทรัมป์ได้ยกหูคุยกับปูตินแล้ว ชี้ให้เห็นว่ารัสเซียไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ

สหรัฐควรรับหน้าที่ติดตามการหยุดยิง พร้อมเสริมว่า การระงับโจมตีโครงสร้างพื้นฐานอาจทำได้โดยเร็ว

  • ปากคำรัสเซีย

ด้านทำเนียบเครมลินเผยว่า ได้ยกเลิกแผนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนแล้ว รวมถึงการยิงโดรนรัสเซียเองเจ็ดลำที่กำลังมุ่งหน้าไปยูเครนด้วย รัฐบาลเคียฟต่างหากที่ยังโจมตีไม่เลิก ถือเป็นความพยายามบ่อนทำลายข้อตกลง

  • อนาคตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ถ้อยแถลงของรัฐบาลสหรัฐฉบับหนึ่ง ระบุ ทรัมป์แนะนำเซเลนสกีว่า สหรัฐอาจช่วยดำเนินการและเป็นไปได้ว่าจะเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครน

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่สุดของยุโรป ตั้งอยู่ในภูมิภาคชาโปริชเชียของยูเครน ปิดมาตั้งแต่ถูกทหารรัสเซียเข้ายึดครองในปี 2022 เซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนเริ่มคุยกับสหรัฐถึงความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูโรงไฟฟ้าแห่งนี้

  • ความหวาดหวั่นของยุโรป

ทรัมป์รับปากมานานแล้วว่าจะยุติความขัดแย้งนองเลือดที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ได้ แต่การที่เขาติดต่อกับปูตินสร้างความหวั่นไหวให้กับพันธมิตรยุโรป ผู้เกรงว่านั่นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการพื้นฐานในนโยบายต่างประเทศสหรัฐที่ใช้มา 80 ปีที่ต้องปกป้องยุโรปให้พ้นจากลัทธิขยายดินแดนของรัสเซีย

ผู้นำยุโรปบางคนกล่าวว่า การที่ปูตินไม่รับข้อเสนอหยุดยิงเต็มตัวของทรัมป์เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามอสโกไม่อยากได้สันติภาพ นายบอริส พิสทอเรียส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมนีกล่าวว่า ข้อเสนอหยุดโจมตีโรงไฟฟ้ายูเครนเป็นการชั่วคราวนั้น “ไร้ประโยชน์” ทรัมป์จะต้องได้รับการประนีประนอมมากกว่านี้

“ปูตินกำลังเล่นเกมที่นี่ และผมมั่นใจว่าประธานาธิบดีอเมริกาจะไม่สามารถนั่งดูเฉยๆ ได้นานนัก” พิสทอเรียสกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ ZDF ของเยอรมนี

รอยเตอร์สเห็นหนังสือฉบับหนึ่งระบุว่า นางคาจา คัลลัส ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวว่า เธอจะยื่นข้อเสนอต่อผู้นำยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (20 มี.ค.) ให้จัดหากระสุนปืนใหญ่ 2 ล้านนัดให้ยูเครน