ทำไม ‘ภาษีรถยนต์’ 25% ทรัมป์ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ? .

ทำไม ‘ภาษีรถยนต์’ 25% ทรัมป์ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ? .

อุตฯ ยานยนต์สหรัฐต้องปรับตัวรับภาษีนำเข้า 25% ภายใต้นโยบายทรัมป์ ผู้ผลิตเผชิญความท้าทายในการย้ายฐานการผลิตเข้าอเมริกา เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลและเวลาหลายปี ขณะที่ผู้บริโภคต้องแบกรับราคารถยนต์ที่อาจพุ่งสูงขึ้นกว่า 6,000 ดอลลาร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (16 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะดึงการผลิตกลับมายังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวกำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และผู้บริโภคชาวอเมริกัน

ภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์ต่างประเทศมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2568 และจะบังคับใช้กับชิ้นส่วนยานยนต์ในวันที่ 3 พ.ค. 2568 รถยนต์ที่ผลิตภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) ได้รับการยกเว้นบางส่วน โดยจะเสียภาษีเฉพาะส่วนประกอบที่ไม่ได้ผลิตในอเมริกา

ด้านแคนาดาตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% กับรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ แต่ภายหลังได้อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกที่ประกอบในสหรัฐฯ โดยไม่เสียภาษี หากบริษัทยังคงผลิตรถยนต์ในแคนาดา

สหรัฐพึ่งพาอุตฯ ยานยนต์ขนาดไหน ? 

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า สหรัฐอเมริกาพึ่งพาการนำเข้ารถยนต์อย่างมาก โดยประมาณ 50% ของรถยนต์โดยสารใหม่ราว 16 ล้านคันที่ขายในสหรัฐฯ ในปี 2567 ประกอบนอกประเทศอเมริกา ประเทศผู้ส่งออกหลัก ได้แก่ เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และเยอรมนี General Motors (GM)

ทำไม ‘ภาษีรถยนต์’ 25% ทรัมป์ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ? .

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ไม่มีรถยนต์ใดเลยที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา 100% โดยตามข้อมูลจากทำเนียบขาว ส่วนประกอบจากต่างประเทศคิดเป็นประมาณ 50-60% ภาคการผลิตรถยนต์ในอเมริกาเหนือมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก วัสดุและชิ้นส่วนมักเคลื่อนย้ายระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกหลายครั้งก่อนจะประกอบเป็นรถยนต์ แม้แต่ Tesla ซึ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่ขายในสหรัฐฯ ในโรงงานที่แคลิฟอร์เนียและเท็กซัส ก็ยังใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาหรือแคนาดาเพียง 60-75% ขึ้นอยู่กับรุ่น

ทำไม ‘ภาษีรถยนต์’ 25% ทรัมป์ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ? .

ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ตอบสนองต่อภาษีนำเข้าในหลากหลายรูปแบบ บางบริษัท เช่น GM ประกาศเพิ่มการผลิตในสหรัฐฯ โดยเพิ่มการจ้างงานในโรงงานอินเดียนาเพื่อผลิตรถกระบะมากขึ้น บางบริษัท เช่น Stellantis ผู้ผลิต Jeep หยุดการผลิตในแคนาดาและเม็กซิโก Ford เสนอส่วนลดเกือบทั้งไลน์ผลิตภัณฑ์จนถึงวันที่ 2 มิ.ย. เพื่อรักษาลูกค้า

ขณะที่ Mercedes-Benz พิจารณาผลิตรถยนต์มากขึ้นในอเมริกา แต่ก็กำลังพิจารณาถอนรถยนต์ราคาถูกที่สุด เช่น GLA SUV ออกจากตลาด Volkswagen วางแผนเพิ่มค่าธรรมเนียมการนำเข้าในราคาติดป้ายของรถยนต์ที่ส่งไปยังสหรัฐฯJaguar Land Rover หยุดการส่งออกรถยนต์ไปยังอเมริกาเป็นเวลาหนึ่งเดือน และ Nissan ตัดสินใจหยุดขาย SUV สองรุ่นที่ผลิตในเม็กซิโกในสหรัฐฯ และยกเลิกการตัดสินใจลดการผลิต Rogue ที่โรงงานในเทนเนสซี

บทวิเคราะห์ของ Bank of America เผยว่า การย้ายการผลิตมายังสหรัฐอเมริกาเป็นความท้าทายอย่างมาก การสร้างโรงงานใหม่ทั้งสำหรับการประกอบรถยนต์และการผลิตชิ้นส่วนต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์และใช้เวลาหลายปี บริษัทต้องการความมั่นใจในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มั่นคง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่านโยบายภาษีของทรัมป์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรในอนาคต สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนใหญ่ การผลิตในสหรัฐฯ จะมีต้นทุนสูงกว่าการจ่ายภาษี 25% 

ทำไม ‘ภาษีรถยนต์’ 25% ทรัมป์ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ? .

คนอเมริกาจ่อซื้อรถแพงขึ้น 6,000 ดอลล์

ผลกระทบต่อราคารถยนต์ในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะรุนแรง ราคาติดป้ายเฉลี่ยของรถยนต์โดยสารใหม่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 47,500 ดอลลาร์ในเดือนมี.ค. 2568 เพิ่มขึ้น 22% จากห้าปีก่อน หากภาษี 25% ดำเนินการตามแผนเดิม Cox Automotive คำนวณว่าราคาอาจเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 6,000 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์นำเข้า และ 3,600 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์ที่ประกอบในสหรัฐฯ

ผลกระทบอาจรุนแรงเป็นพิเศษในตลาดรถราคาถูก เนื่องจากรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดส่วนใหญ่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มกำไรที่ต่ำอยู่แล้วให้สูงสุด มีรถยนต์ 26 รุ่นที่มีราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ในเดือนมี.ค. คิดเป็น 14% ของรถยนต์ที่ขายในสหรัฐฯ และประมาณ 80% ของรถยนต์ราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์จะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าใหม่

ระยะเวลาที่ภาษีจะส่งผลต่อราคารถยนต์อาจแตกต่างกันไป ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจไม่เกิดขึ้นทันที เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายมักมีสต็อกรถยนต์ใหม่สำหรับ 2-3 เดือน อย่างไรก็ตาม การเร่งซื้อรถยนต์ก่อนภาษีนำเข้าใหม่จะมีผลบังคับใช้อาจลดสต็อกก่อนเก็บภาษีเร็วกว่าปกติ

ทั้งนี้ ราคาที่สูงขึ้นจะไม่เป็นปัญหาเฉพาะรถยนต์ใหม่เท่านั้น แต่จะส่งผลให้ราคารถยนต์มือสองเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อชิ้นส่วนรถยนต์ถูกรวมเข้าในภาษี การซ่อมแซมจะมีราคาแพงขึ้น และเบี้ยประกันภัยอาจเพิ่มขึ้นเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงขึ้น ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมรถยนต์ในสหรัฐฯ สูงขึ้น 58% เมื่อเทียบกับทศวรรษที่แล้วในเดือนมี.ค. 2568