สแกนดิเนเวียลดขนาดรัฐสวัสดิการ

รูปแบบรัฐสวัสดิการของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ที่เก็บภาษีสูงแต่ให้สวัสดิการอย่างดีตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต
รูปแบบรัฐสวัสดิการของประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ที่เก็บภาษีสูงแต่ให้สวัสดิการอย่างดีตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต กำลังถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ เมื่อประเทศเหล่านี้พบว่าตนเองขาดแคลนเงินสด
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศแถบสแกนดิเนเวียมีชื่อเสียงเรื่องระบบทุนนิยมที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันทางสังคมมากกว่าประเทศตะวันตกอื่น ๆ อย่างอังกฤษหรือสหรัฐ แต่โลกาภิวัตน์ ความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์จากซ้ายมาเป็นขวา นำไปสู่การลดขนาดภาครัฐ
ในสวีเดน นักท่องเที่ยวต้องประหลาดใจในบางครั้งเมื่อทราบว่าผู้ป่วยมะเร็งต้องรอคอยการรักษานานนับปี มีการจลาจลบริเวณชานเมืองที่รายได้ต่ำ รถไฟตกรางเพราะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานน้อย
ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโกเตนเบิร์ก "นายโจนัส ฮินน์ฟอร์ส" กล่าวว่า ระบบรัฐสวัสดิการลดขนาดลงมากตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะในทศวรรษ 1990
หลังเกิดวิกฤติภาคธนาคารช่วงต้นทศวรรษ 90 สวีเดนลดการอุดหนุนที่อยู่อาศัยและงบประมาณบริการสุขภาพ ปฏิรูประบบบำนาญ เริ่มมีการเปิดตัวโรงเรียนเอกชนที่ต้องจ่ายค่าเทอมแข่งกับโรงเรียนของรัฐ
ปี 2549 รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอนุรักษ์นิยม "นายเฟรดริก เรนเฟลด์" เร่งอัตราการปฏิรูป เข้มงวดเกณฑ์การจ่ายประโยชน์ตอบแทนการว่างงานและการเจ็บป่วย ควบคู่ไปกับการลดภาษี ปัจจุบันภาษีรายได้ในสวีเดนต่ำกว่าในฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเดนมาร์ก การใช้จ่ายภาครัฐลดลงจากที่เคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 71% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีในปี 2536 เหลือ 53.3% ในปีที่แล้ว
ความก้าวหน้าที่น่าชื่นชมอันหนึ่งคือ สวีเดนกลายเป็นต้นแบบสำหรับนักคิดแนวตลาดเสรี รวมทั้งนิตยสารรายสัปดาห์ของอังกฤษ "ดิ อีโคโนมิสต์" ซึ่งปีที่แล้วยกย่องการลดขนาดรัฐสวัสดิการของสวีเดนว่าเป็น "ซูเปอร์โมเดลชาติต่อไป" ดิอีโคโนมิสต์ระบุว่า สวีเดนเสนอพิมพ์เขียววิธีการปฏิรูปภาครัฐ ทำให้รัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากสวีเดนเป็นประเทศสแกนดิเนเวียที่ลดขนาดสวัสดิการได้ก้าวหน้าที่สุด เดนมาร์กก็เป็นประเทศที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้เร็วที่สุด เมื่อรัฐบาลพรรคสังคมประชาธิปไตยครองอำนาจในปี 2554 มีสัญญาณเล็กน้อยว่านายกรัฐมนตรีเฮล ธอร์นิง ชมิดต์ จะเปลี่ยนแปลงระบบรัฐสวัสดิการครั้งใหญ่ในประเทศที่เก็บภาษีสูงที่สุดในโลก
รัฐบาลแนวทางกลางขวาเพิ่มอายุเกษียณ ลดช่วงเวลารับผลประโยชน์ตอบแทนการว่างงานจากสี่ปีเหลือสองปี ลดภาษีนิติบุคคลจาก 25% เหลือ 22% กำหนดให้คนหนุ่มสาวที่ได้รับสวัสดิการว่างงานต้องทำสัญญาฝึกอบรม ยกเลิกเงินช่วยเหลือนักศึกษาที่ใช้เวลาศึกษานานเกินไป
ประเทศถัดไปที่จะปฏิรูประบบรัฐสวัสดิการน่าจะเป็นฟินแลนด์ ที่ถูกกระหน่ำเพราะสองเสาหลักทางเศรษฐกิจซบเซา ได้แก่อุตสาหกรรมป่าไม้และเทคโนโลยีสารสนเทศ
ทำให้เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 ฟินแลนด์รับมือวิกฤติด้วยการประกาศมาตรการเพื่อผลักดันให้ประชาชนไปทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอายุเกษียณ ลดระยะเวลาอุดหนุนนักศึกษามหาวิทยาลัย และเพิ่มแรงจูงใจให้คุณแม่ยังสาวที่ว่างงานเข้าสู่ตลาดแรงงาน
มีเพียงนอร์เวย์เท่านั้นที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะปฏิรูประบบรัฐสวัสดิการเร็ว ๆ นี้ เพราะเป็นประเทศที่มั่งคั่งจากน้ำมัน