แอร์บัสเลิกพัฒนา-ผลิตซูเปอร์จัมโบ้‘เอ380’

ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวสะเทือนวงการเป็นรายแรกว่าลูกค้าปรับยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ซูเปอร์จัมโบ้ ล่าสุดวานนี้ (14 ก.พ.) แอร์บัสแถลงว่า จะยุติการผลิตเครื่องบินรุ่นใหญ่สุดของโลกนี้แล้ว โดยเครื่องบินลำสุดท้ายจะส่งมอบในปี 2564

แถลงการณ์ยืนยันว่า สายการบินเอมิเรสต์ ลูกค้าเอ 380 รายใหญ่สุดตัดสินใจลดยอดซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ลงเปลี่ยนมาสั่ง เอ 330-900 นีโอจำนวน 40 ลำ และ เอ350-900 จำนวน 30 ลำ ซึ่งเป็นการกลับมาซื้อ เอ350 ใหม่อีกครั้งจากที่เคยยกเลิกไปเมื่อปี 2557

ต่อจากนี้ไป  แอร์บัสจะผลิต เอ380 อีก 17 ลำ สำหรับเอมิเรตส์ 14 ลำ และสายการบินเอเอ็นเอของญี่ปุ่น 3 ลำ โดยภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าบริษัทจะเจรจากับสหภาพแรงงาน เพื่อหารือเรื่องพนักงาน 3,000-3,500 คนที่อาจได้รับผลกระทบ

เครื่องซูเปอร์จัมโบ้แอร์บัส เอ 380 มีห้องโดยสารกว้างใหญ่ 2 ชั้น จุได้ 544 คน ออกแบบมาท้าทายโบอิง 747 เครื่องบินในตำนาน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเมื่อสายการบินทั้งหลายหันไปใช้เครื่องรุ่นใหม่ที่เล็กแต่คล่องตัวมากกว่า

สำหรับเอมิเรตส์ ที่ได้เอ 380 และโบอิง 777 มาช่วยสร้างแบรนด์ให้ดังไปทั่วโลก และขณะนี้มีเอ 380 ในฝูงบินถึง 100 ลำเผยว่า ผิดหวังที่แอร์บัสเลิกผลิต

ชีค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตูม ประธานสายการบินเผยว่า เอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุน เอ380 อย่างแข็งขันด้วยดีมาตั้งแต่เริ่มผลิต จึงผิดหวังที่ต้องยกเลิกคำสั่งซื้อและโครงการไปต่อไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง พร้อมยืนยันว่า เอ380 ยังคงเป็นสาหลักให้กับเอมิเรตส์ด้วยดีไปจนถึงทศวรรษ 2030

ด้านเอทิฮัด จากอาบูดาบี สายการบินคู่แข่งของเอมิเรตส์ เผยเช่นกันว่า ลดยอดสั่งซื้อเครื่องบินทั้งแอร์บัสและโบอิงลง ทำให้เกิดคำถามมากขึ้นถึงการเติบโตของสายการบินจากตะวันออกกลาง

วันเดียวกันนี้ แอร์บัสแถลงด้วยว่า ปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3 พันล้านยูโร และปี 2562 จะส่งมอบเครื่องบินใหม่ 880-890 ลำ

แอร์บัส เอ380 ขนาด 4 เครื่องยนต์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2548 หวังจะแข่งกับโบอิง แต่ยอดขายตกลงเนื่องจากเครื่องบินรุ่นเล็ก 2 เครื่องยนต์พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโบอิง 787 หรือ เอ350 ของแอร์บัสเอง

ข่าวแอร์บัสหยุดผลิต เอ 380 ก่อนกำหนดส่งสัญญาณมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ต่อมานายทอม เอนเดอร์ส ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารแอร์บัสก็ตัดสินใจเลิกผลิตจริงๆ