ศก.เอเชียแปซิฟิกซึมฉุดยอดเศรษฐีพันล้านดิ่ง

ศก.เอเชียแปซิฟิกซึมฉุดยอดเศรษฐีพันล้านดิ่ง

ตัวเลขที่ลดลงเป็นผลจากตลาดหุ้นซบเซา สหรัฐและจีนเก็บภาษีตอบโต้กันต่อเนื่อง และเงินดอลลาร์แข็งค่า ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อจำนวนอภิมหาเศรษฐีทั่วโลก

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เคยอู้ฟู่เมื่อปี 2560 จำนวนอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก ความมั่งคั่งรวมกันมากที่สุดในโลก แต่หนึ่งปีผ่านไปสถานการณ์กลับไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า มหาเศรษฐีพันล้านของเอเชียแปซิฟิกต้องเสียหายหนัก ทั้งจำนวนและความมั่งคั่งโดยรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ซีเอ็นบีซี อ้างข้อมูลจากรายงานผลสำรวจอภิมหาเศรษฐี 2562 โดยบริษัทเวลธ์เอ็กซ์ พบว่าจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเมื่อปี 2561 ลดลง 13% ความมั่งคั่งโดยรวมลดลง 8%เท่ากับว่า เอเชียแปซิฟิกที่มีจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์มากที่สุดในโลก ยอดหายไป 109 คน ความมั่งคั่งโดยรวมน้อยลง 2.12 แสนล้านดอลลาร์ผลพวงจากความเปลี่ยนแปลงใน 4 เขตเศรษฐกิจที่มีมหาเศรษฐีพันล้านมากที่สุด ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินเดีย และสิงคโปร์

ข้อมูลล่าสุดถือว่าสวนทางกับปี 2560 ที่ตอนนั้นเอเชียแปซิฟิกเป็นแหล่งรวมอภิมหาเศรษฐีมากยิ่งกว่าภูมิภาคใดๆ

เวลธ์เอ็กซ์ ระบุด้วยว่าในปีที่ผ่านมาความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีพันล้านทั่วโลกลดลง 7% จำนวนลดลง 5.4% ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่จำนวนอภิมหาเศรษฐีลดลงนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลกปี 2551

อเมริกาเหนือเป็นภูมิภาคเดียวที่มีการเติบโต จำนวนอภิมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น 3% โดยเฉพาะเศรษฐีสหรัฐที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย การมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

แต่แม้เอเชียแปซิฟิกจะลดลงทั้งจำนวนและความมั่งคั่งรวม แต่ในกลุ่ม 15 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีอภิมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก อยู่ในภูมิภาคนี้4 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ

จีนยังคงเป็นแหล่งรวมมหาเศรษฐีพันล้านมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ จำนวน 285 คน ทรัพย์สินรวม 9.9 แสนล้านดอลลาร์ เหนือกว่าอันดับ 3 อย่างเยอรมนีอยู่มาก ส่วนฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน มีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับ 7 ของโลก 87 คน ทั้งยังเป็นเมืองที่มีมหาเศรษฐีพันล้านมากเป็นอันดับ 2 รองจากนิวยอร์กที่มี 105 คน

อินเดียปีนี้ร่วงลง 4 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 8 จำนวน82 คน ขณะที่สิงคโปร์ยังรักษาอันดับ 15 ไว้ได้ แม้จำนวนมหาเศรษฐีพันล้านลดลงเหลือ 39 คน หรือลดลง 11% มากที่สุดในบรรดาเมืองใหญ่ของโลก

แต่บางเมืองในเอเชียก็ได้รับผลกระทบน้อยกว่า เช่น เมืองหางโจวของจีน ที่ตั้งบริษัทอาลีบาบาของมหาเศรษฐีแจ็ค หม่า และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ทั้งสองเมืองจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านลดลงแค่ 1 คนเท่านั้นแต่ยังรักษาอันดับที่ 14 และ 15 ไว้ได้เหมือนเดิม