กูรูคาดราคาน้ำมันดิบทะยานกว่า10ดอลล์
หลังโรงกลั่นน้ำมันในซาอุฯ2แห่งถูกโดรนถล่ม
นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมน้ำมันดิบโลก คาดการณ์ว่า การใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย จนทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของซาอุฯลดลงครึ่งหนึ่ง อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
การปิดโรงกลั่นน้ำมันที่ได้รับความเสียหายสองแห่ง ทำให้น้ำมันดิบหายไปจากระบบประมาณ 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ5% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดหวังว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้ในปริมาณเดิมคือ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในวันจันทร์ (16ก.ย.)
การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดที่พุ่งเป้ายังทรัยพ์สินด้านน้ำมันของซาอุฯ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้น หากซาอุฯไม่สามารถหวนกลับมาผลิตน้ำมันได้ในปริมาณที่เคยผลิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว และมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการทำไอพีโอของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย
ล่าสุด เว็บไซต์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ทางการซาอุฯกำลังหารือเพื่อนำน้ำมันสำรองออกมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าต่างประเทศเพื่อรับประกันว่า การโจมตีครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมัน
นักวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมน้ำมันโลกต่างมีความเห็นตรงกันว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ และสถานการณ์อาจเลวร้ายลง มีการตอบโต้กันเพื่อแก้แค้น และอาจทำให้เมื่อเปิดตลาดน้ำมันในวันจันทร์ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าอาจทรุดลงกว่า10 ดอลลาร์/บาร์เรล
“การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันอาจทำลายแผนเจรจาเพื่อบรรเทามาตรการคว่ำบาตรและอาจทำให้การหารือเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มกบฎกับทางการซาอุฯจบลงด้วยการตอบโต้กันรุนแรงขึ้น ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็อาจทะยานขึ้นกว่า10ดอลลาร์/บาร์เรลได้”นายบ็อบ แมคแนลลี ประธานราพิดัน อีเนอร์จี กรุ๊ป กล่าว