'หมอกควันจากไฟป่า' อุปสรรคแข่งรถสูตร 1 สิงคโปร์
ปีนี้่ไฟป่ารุนแรงมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง และผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะดับไฟป่าที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้จนกว่าจะถึงต้นฤดูฝนในเดือนต.ค.
ปัญหาหมอกควันจากกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงแก่ประเทศเพื่อนบ้านอินโดนีเซีย ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซีย ล่าสุด ปัญหาหมอกควัน กำลังเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันรถสูตร1ที่สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพในปีนี้ และทำให้กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย เป็นเมืองหลวงที่มีสภาพอากาศย่ำแย่ที่สุดในโลก โดยกระแสลมจากอินโดนีเซียยังคงพัดพาเอาเถ้าและควันไฟจากการลักลอบเผาป่าและเผาพื้นที่ทำการเกษตรอย่างผิดกฏหมายในอินโดนีเซียเข้ามายังสิงคโปร์และมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของสิงคโปร์ (เอ็นอีเอ) ระบุว่า ดัชนีมาตรฐานมลพิษของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเป็น 107 ในช่วงเช้าของวันพุธ(18ก.ย.)ถือเป็นระดับที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ ประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเป็นโรคปอดเรื้อรัง หรือเป็นโรคหัวใจไม่ควรออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านในเวลานานๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาหมอกควันหนาและเศษเถ้าถ่านที่เกิดจากการลักลอบเผาป่าและเผาพื้นที่ทางการเกษตรอย่างผิดกฏหมายในอินโดนีเซียที่แผ่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ต่างๆของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดช่วง2สัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบต้องสั่งระงับการบินและประชาชนในประเทศที่ได้รับผลกระทบหลายพันคนมีอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย สั่งให้มีการปราบปรามบุคคลหรือบริษัทที่เป็นต้นตอทำให้เกิดการเผาป่า หรือเผาพื้นที่ทางการเกษตรอย่างผิดกฏหมาย ขณะที่ผู้คนจำนวนมากวิตกกังวลว่า สถานการณ์หมอกควันครั้งนี้จะเลวร้ายเหมือนเมื่อปี 2558 ที่ส่งผลกระทบต่อที่ดินทำกิน 2.6 ล้านเฮกแตร์ และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่อินโดนีเซียเป็นเงิน 15.7 พันล้านดอลลาร์
ข้อมูลด้านมลภาวะของไอคิวแอร์ แอร์วิชวล ซึ่งเป็นดัชนีขี้วัดคุณภาพสภาพอากาศในเมืองหลวงของมาเลเซีย ระบุว่า กรุงกัวลาลัมเปอร์และเมืองกูชิงในมาเลเซีย สิงคโปร์ และกรุงจาการ์ตามีคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่สุดในบรรดาเมืองใหญ่ๆของโลก โดยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ดัชนีอยู่ที่ 195 ส่วนในสิงคโปร์ดัชนีอยู่ที่ 166 ซึ่งเป็นระดับที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพประชาชนอย่างมาก
ขณะที่ศูนย์บรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย ระบุว่า จุดฮอทสปอตในอินโดนีเซียในวันพุธ (18ก.ย.)ลดลงเหลือ 2,719 จุดจาก 2,984 จุดเมื่อวันอังคาร (17กย.)โดยแยกเป็นจุดฮอทสปอตในสุมาตรา 1,425 จุดและกาลิมันตัน 732 จุด และไฟป่าส่งผลกระทบต่อที่ดินและป่า 328,724 เฮคแตร์ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียที่กำลังรับมือกับปัญหาไฟป่าในริอูและสุมาตราเริ่มเบาใจขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาของอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในอีก3วันข้างหน้า และจะตกติดต่อกันอย่างน้อยสองหรือสามวัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาไฟป่าได้ในระดับหนึ่ง
ด้านแอร์นาฟ ระบุว่า ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น ทำให้หลายเมืองในอินโดนีเซียประกาศยกเลิกเที่ยวบินต่างๆรวม 67 เที่ยวบินจากสามสนามบินในซามารินดา แซมพิท บีรอในกาลิมันตัน เนื่องจากทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง
ปัญหาหมอกควันจุดชนวนทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียเปิดศึกวิวาทะกัน โดยนายสิถิ นูร์บายา บาการ์ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอินโดนีเซีย ยืนยันว่า อินโดนีเซียพยายามแก้ปัญหานี้อย่างสุดความสามารถแล้ว เพราะปัญหาหมอกควันไม่ได้มีที่มาจากอินโดนีเซียทั้งหมด ทั้งยังบอกว่า มาเลเซียเองก็ขาดความโปร่งใส เพราะปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมมาเลเซียอยู่ตอนนี้บางส่วนก็มาจากมาเลเซียเองด้วย ซึ่งเขาคิดว่ารัฐบาลมาเลเซียควรออกมาชี้แจงอย่างเป็นกลาง
ขณะที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกของมาเลเซีย ตอบโต้ทันควันโดยบอกว่า ให้ข้อมูลเป็นตัวพิสูจน์ พร้อมทั้งโพสต์ข้อมูลจากศูนย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งอาเซียนประกอบ
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยอินโดนีเซียกล่าวว่า ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมพบไฟป่ากว่า 3,500 แห่ง บริเวณเกาะสุมาตราและบอร์เนียว ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศครอบคลุม 6 จังหวัดที่มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 23 ล้านคน
ตั้งแต่เกิดปัญหาหมอกควันรอบใหม่ขึ้น มาเลเซีย ได้ส่งจดหมายให้อินโดนีเซียเพื่อเตือนให้ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าทันที เพราะล่าสุด มาเลเซียปิดโรงเรียนไปแล้วกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศและรัฐที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือสลังงอร์ นอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีโรงเรียนปิดไป 538 แห่ง และซาราวักบนเกาะบอร์เนียวที่มีโรงเรียนปิดไป 337 แห่ง ส่วนโรงเรียนหลายร้อยแห่งในรัฐอื่นๆ หลายรัฐในแหลมมาเลเซียก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ปีนี้่ไฟป่ารุนแรงมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง และผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะดับไฟป่าที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้จนกว่าจะถึงต้นฤดูฝนในเดือนต.ค.
ปัญหาหมอกควันจากไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทำให้นายมาซากอส ซุลกิฟี รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำของสิงคโปร์ ออกมาเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดนอย่างจริงจัง ในฐานะที่ปัญหานี้ส่งผลให้คุณภาพอากาศในภูมิภาคแย่ลง ก่อมลพิษ
ที่สำคัญยังเข้าไปเพิ่มปัญหาให้แก่การแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศประเทศในอาเซียน ชาติสมาชิกอาเซียน จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อให้อาเซียนไร้หมอกควันอย่างแท้จริงในปีหน้า และสิงคโปร์เสนอให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่อินโดนีเซียต่อสู้กับไฟป่า ส่วนมาเลเซีย ก็เสนอให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่อินโดนีเซีย เพื่อขจัดไฟป่าในกาลิมันตันและสุมาตราด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-หมอกควันฉุดอากาศสิงคโปร์แย่สุดรอบ 3 ปี
-4จ.ใต้เฝ้าระวังใกล้ชิด ผลกระทบหมอกควันอินโดนีเซีย
-ปัญหาหมอกควัน ฉุดสัมพันธ์3ชาติอาเซียน
-ชาวใต้เดือดร้อนPM2.5เกินมาตรฐาน หมอกควันไฟป่าอินโดฯลามไทย