'พท.' ยื่น แก้รธน.ม.256 ขีดเส้น 'สสร.' ห้ามแตะหมวด1หมวด2

'พท.' ยื่น แก้รธน.ม.256 ขีดเส้น 'สสร.' ห้ามแตะหมวด1หมวด2

"พท." ยื่นร่างแก้รธน.มาตรา 256 เปิดทางมี สสร. แล้ว พบรายละเอียด หั่นเกณฑ์เห็นพ้องสว.-ฝ่ายค้าน กำหนดมี สสร. 200 คน ทำฉบับใหม่ ขีดเส้นห้ามแตะหมวด1 หมวด2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะประธานสส.พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้นำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) ซึ่งแก้ไข มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯแล้ว เพื่อให้พิจารณาบรรจุไว้ในวาระการประชุมร่วมรัฐสภา

\'พท.\' ยื่น แก้รธน.ม.256 ขีดเส้น \'สสร.\' ห้ามแตะหมวด1หมวด2

สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ในเหตุผลตอนหนึ่งว่า เป็นการแก้ไขในบางหมวดบางเรื่องตามที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวด ซึ่งทำให้ไม่อาจแก้ไขได้ ซึ่งขัดต่อหลักการทั่วไปของรัฐธรรมนูญที่ดีที่ต้องให้รัฐธรรมนูญมีลักษณะเป็นพลวัตรไม่ใช่การหยุดนิ่ง เพราะต้องการให้แก้ไขได้เมื่อยามประเทศต้องการให้เกิดการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงภายในประเทศหรือสถานการณ์โลก อีกทั้งรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้นภายใต้สถานการณ์พิเศษประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จรริง และมีบทบัญญัติไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตย

หั่นเกณฑ์สว.1ใน3ร่วมเห็นชอบแก้รธน.

โดยรายละเอียดของการแก้ไขมาตรา 256 นั้น มีสาระสำคัญ คือ การตัดหลักเกณฑ์ที่ต้องใช้เสียงสว. จำนวนไม่น้อย 1 ใน 3 และเสียงของสส.ฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 20% ออกจากกระบวนการเห็นพ้องชั้นการลงมติวาระแรกและวาระสามจากเดิมที่กำหนดไว้

หั่นทิ้งเกณฑ์ผ่านประชามติ หากแก้ปมนักการเมือง-ศาล-องค์กรอิสระ

นอกจากนั้นได้ตัดเงื่อนไขของการนำไปออกเสียงประชามติก่อนการรทูลเกล้าฯ ถวาย ในมาตรา  256 (8) ในกรณี เรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรรมนูญ เรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจศาลหรือองค์กรอิสระ เรื่องที่ที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้ แต่ยังคงการให้ทำประชามติ ใน 3 กรณี คือ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด2 พระมหากษัตริย์ หมวด15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

 

กำหนดมี สสร. 200 คนจากเลือกตั้ง100%

ขณะที่หมวดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 200 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน พร้อมกำหนดข้อห้ามของบุคคลที่จะสมัครเป็น สสร. ไว้ คือ เป็นข้าราชการการเมือง เป็น สส. สว. รัฐมนตรี และมีลักษณะต้องห้ามตามลักษณะต้องห้ามเดียวกันกับการสมัครเป็น สส.

ขีดเส้น 60 วัน เลือกตั้ง สสร.ให้เสร็จ

ส่วนระเวลาการเลือกตั้ง สสร. นั้น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเลือกตั้งภายใน 60 วัน เมื่อเลือกตั้งเสร็จให้ กกต.รับรอบภายใน 15 วัน

ให้ 47 อรหันต์ทำรธน.ใหม่ กำหนดที่มาให้ จากสสร.-รัฐสภา-ครม.

ขณะที่การจัดทำรัฐธรรมนูญกำหนดให้ สสร. ตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ​จำนวน  47 คน  มาจากการแต่งตั้งจาก สสร. 24 คน โดยกำหนดคุณสมบัติคือ ต้องเชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน รัฐศาสตร์ มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการร่างรัฐธรรมนูญ และอีกจำนวน 23 คนนั้น ให้สสร. แต่งตั้งจากการเสนอชื่อโดยสภาฯ 12 คน สว. 5 คน และ คณะรัฐมนตรี 6 คน พร้อมกับกำหนดระยะเวลายกร่างรัฐธรรมนูญ ให้เสร็จภายใน 180  วัน จากนั้นต้องส่งให้รัฐสภาเห็นชอบภายใน 30 วัน เมื่อรัฐสภาเห็นชอบแล้วให้นำไปจัดการออกเสียงประชามติ

 

ให้อำนาจรัฐสภา แก้รธน.ของ สสร.ได้

นอกจากนั้นแล้วยังให้สิทธิ รัฐสภามีอำนาจเสนอความเห็นเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ สสร. ดำเนินการได้ด้วย ซึ่งกำหนดเป็นบทบังคับ ให้ สสร.แก้ไขภายใน 30 วัน พร้อมกับให้ลงมติยืนยันด้วยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของ สรร.ที่มี จากนั้นจึงส่งให้ กกต.ทำประชามติ แต่หาก สสร. ลงมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ให้ถือว่าตกร่างรัฐธรรมนูญนั้นตกไป และให้อำนาจ สสร. ชุดเดิมยกร่างใหม่ภายใน 90 วัน

ห้ามแตะหมวด 1 หมวด2 เด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย กำหนดเป็นข้อห้ามที่ชัดเจนว่า “การจัดทำรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และ หมวด 2 ของรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้” พร้อมให้อำนาจรัฐสภาวินิจฉัยว่าหากมีการจัดทำเนื้อหาที่เป็นข้อห้ามดังกล่าวให้ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญตกไป และให้ สสร. ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่าสำหรับการกำหนดให้ สสร. สิ้นสภาพไปนั้น ให้ สส. และสว. เสนอญัตติต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก และกำหนดข้อห้าม สสร. ชุดเดิมกลับมาเป็น สสร.อีก.