‘มหาธีร์’ ยันไม่มีแผนปิดรับนักท่องเที่ยวจีน

‘มหาธีร์’ ยันไม่มีแผนปิดรับนักท่องเที่ยวจีน

‘มหาธีร์ โมฮัมหมัด’ ผู้นำมาเลเซีย ยันไม่มีแผนปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในปีท่องเที่ยวมาเลเซีย 2563

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ทางภาคกลางของจีน สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกเพราะยอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกขณะ แถมยังไปไกลถึงสหรัฐ ยุโรป ออสเตรเลีย ยิ่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศอาเซียนรวมทั้งในมาเลเซีย แต่นายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัดกล่าวว่า ยังไม่มีแผนปิดรับนักท่องเที่ยวจีน

เว็บไซต์เดอะสตาร์รายงานนายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวในงานตรุษจีน เมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) ว่า มาเลเซียยังไม่มีแผนไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศ เนื่องจากทางการจีนห้ามชาวอู่ฮั่น 11 ล้านคนเดินทางแล้ว รวมทั้งปิดอีกหลายเมืองเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส แต่มาตรการคัดกรองนักเดินทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีนจำต้องเข้มข้นยิ่งขึ้น

ส่วนมาเลเซียจะทบทวนนโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนหรือไม่นั้น มหาธีร์ไม่ได้ให้คำตอบ กล่าวเพียงว่า จีนเสนอให้วีซ่า 3 ปีเข้าออกได้หลายครั้งแก่ชาวมาเลเซีย และขอให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังไวรัสอย่างต่อเนื่องเนื่องจากเป็นไวรัสอันตราย “ต้องสวมหน้ากาก” นายกฯ มาเลเซียแนะนำ และว่าการสกัดการแพร่ระบาดทำได้ยากขึ้นทุกที เนื่องจากการคมนาคมทันสมัยผู้คนเดินทางไปไหนมาไหนได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งผู้ที่ติดเชื้อในระยะแรกก็ไม่แสดงอาการ นอกจากนี้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ป่า ซึ่งการควบคุมสัตว์ป่าทำได้ยากเช่นกัน

นายกฯ มาเลเซียยอมรับว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในปีท่องเที่ยวมาเลเซีย 2563 เพราะนักท่องเที่ยวจีนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของมาเลเซีย

สถานการณ์ในมาเลเซียเมื่อวันเสาร์ นูร์ ฮิชาม อับดุลลาห์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายที่ 4 ในมาเลเซีย เป็นชายวัย 40 ปีจากอู่ฮั่น ไม่เกี่ยวข้องกับ 3 คนแรกที่แพทย์ยืนยันเมื่อเช้าวันเสาร์

ผู้ติดเชื้อรายที่ 4 เดินทางจากสิงคโปร์โดยรถบัส พร้อมด้วยคนอื่นๆ อีก 17 คนรวมทั้งบุตรและภรรยา มาถึงยะโฮร์บารูเมื่อวันที่ 22 ม.ค. อาการโดยรวมล่าสุดทรงตัวแล้วแม้ยังมีไข้และไอ

กระทรวงสาธารณสุขรัฐยะโฮร์หาตัวคนอื่นอีก 17 คนมาตรวจหาไวรัสแล้ว พบว่า ไม่มีไข้ ไม่แสดงอาการ ตอนนี้ทั้งหมดถูกกักตัวไว้จนกว่าจะทราบผลการทดสอบ

158009182888

ส่วน 3 คนแรกที่ได้รับการวินิจฉัยติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นญาติกับชาวจีนวัย 66 ปีที่มาจากอู่ฮั่น และได้รับการวินิจฉัยในสิงคโปร์ว่าติดไวรัส ได้แก่ ภรรยาวัย 65 ปี และหลานอีก 2 คน อายุ 2 และ 11 ปี ถูกแยกรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงบุโละ อาการทรงตัวแล้ว

นอกเหนือโรคร้ายระบาดรวดเร็วแล้ว ที่เร็วและแรงมาควบคู่กันในยุคโซเชียลมีเดียหนีไม่พ้นข่าวลือข่าวลวง กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) ปฏิเสธข่าวผู้ติดเชื้อ 1 รายเสียชีวิตในสิงคโปร์ วอนประชาชนอย่าช่วยกันแพร่เฟคนิวส์

“กระทรวงสาธารณสุขทราบว่ามีการแพร่ข่าวลือกันในโลกออนไลน์ ว่าประชาชนคนหนึ่งเสียชีวิตจากการติดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ กระทรวงขอแจ้งให้ทราบว่า ในบรรดาผู้ต้องสงสัยหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อยังไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารข้อมูลล่าสุดได้จากเว็บไซต์กระทรวง”

ในวันเดียวกันนั้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและด่านตรวจสิงคโปร์ ก็ใช้เฟซบุ๊คชี้แจงข้อมูลเรื่องที่มีข่าวลือในโลกออนไลน์ว่า ตม.สิงคโปร์สกัดไม่ให้นักท่องเที่ยวกว่า 100 คนจากอู่ฮั่นเข้าประเทศ ระบุข่าวนี้ไม่จริง ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

ด้านรองนายกรัฐมนตรีเฮง สวี เกียต กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สนามบินชางงีหลังประชุมเจ้าหน้าที่สนามบินว่า ทางการดำเนินมาตรการลดผลกระทบจากไวรัสที่สนามบินแล้ว ขอให้ชาวสิงคโปร์ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับให้ชัดเจนและอย่าแพร่กระจายข่าวลือข่าวลวง

“ผมหวังว่า พวกเราทุกคนจะทำหน้าที่ของแต่ละคนในการระมัดระวังเป็นพิเศษ ปฏิบัติตัวอย่างสุขลักษณะ และที่สำคัญยิ่งคือติดตามและเฝ้าระวังข้อมูล ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลผิดๆ”

เช่นเดียวกับที่บรูไน เว็บไซต์บอร์เนียวบุลเลตินรายงานอ้างถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขบรูไน เมื่อคืนวันศุกร์ (24 ม.ค.) ระบุ ข่าวลือพร้อมภาพที่แพร่สะพัดในโลกโซเชียลว่า ชาวต่างชาติคนหนึ่งต้องสงสัยติดไวรัสโคโรน่ากำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอาร์ไอพีเอเอสไม่เป็นความจริง กระทรวงยืนยันว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนคนดังกล่าวไปตรวจที่โรงพยาบาลอาร์ไอพีเอเอสจริง แล้วถูกส่งไปยังศูนย์แยกตัวดูอาการ เพื่อเฝ้าระวังและทดสอบเพิ่มเติมต่อไป

กระทรวงแนะนำให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับภาพหรือข้อมูลที่เผยแพร่กันทางโซเชียลมีเดียโดยที่ทางการไม่ได้ยืนยัน และขอให้ช่วยกันรับผิดชอบอย่ากระจายข้อมูลใดๆ ที่กระทรวงยังไม่ได้ตรวจสอบ

ส่วนการปิดเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) ส่งผลกระทบต่อชาวต่างชาติในเมืองด้วย เว็บไซต์เดอะจาการ์ตาโพสต์ รายงานอ้างคำพูด นูร์ มุสยาฟาก ประธานสมาคมนักศึกษาอินโดนีเซียในจีน ประจำอู่ฮั่นเผยว่า พลเมืองอินโดนีเซียติดอยู่ในอู่ฮั่น 93 คน จากจำนวนทั้งหมดราว 200 คน ที่บางส่วนกลับประเทศเพื่อฉลองเทศกาลตรุษจีนกับครอบครัวตั้งแต่ก่อนทางการอู่ฮั่นสั่งปิดเมือง

ฟิเตรียนี นักศึกษาปริญญาโทวัย 25 ปี ที่มหาวิทยาลัยภูมิศาสตร์จีนในเมืองอู่ฮั่น เล่าว่า เธออยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยกับเพื่อนนักศึกษาอินโดนีเซียอีก 5 คน ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ออกจากหอพักเลย ครั้งสุดท้ายที่ออกคือไปซื้อของชำในตลาดใกล้ๆ ที่ตอนนี้ปิดไปแล้วเพราะพ่อค้าแม่ค้าไม่กล้าออกมาขายของ เธอเองต้องตุนอาหารให้พอรับประทานถึงสัปดาห์หน้าตามที่รัฐบาลจีนแนะนำ

“ผักผลไม้ขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว จากครึ่งกิโล 5 หยวน กลายเป็นครึ่งกิโล 30 หยวน ดิฉันไม่มีทางเลือกก็ต้องซื้อ” นักศึกษารายนี้มาอยู่อู่ฮั่นตั้งแต่เดือน ก.ย. เธอเล่าว่าตอนนี้เมืองเงียบเชียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บนท้องถนนมีรถส่วนตัววิ่งแค่ 2-3 คัน ผู้คนสวมหน้ากากกันเชื้อโรค