ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ฉุดการค้าชายแดนจีน

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ฉุดการค้าชายแดนจีน

ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ฉุดการค้าชายแดนจีน ขณะชาวเวียดนามในเมืองที่มีพรมแดนติดต่อจีนปรับแผนเดินทางท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนหวั่นติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่

“เตรือง ฟาน”ติดตามความคืบหน้าข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่มีจุดเริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ของจีนแบบเกาะติด หลังจากล้มเลิกแผนข้ามชายแดนไปพักผ่อนวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีนในนาทีสุดท้าย โดยเลือกไปพักผ่อนวันหยุดยาวที่จังหวัดซอนลาแทน เนื่องจากที่ซอนลาในช่วงนี้จะไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเที่ยวเลย

“ผมตรวจสอบสถานการณ์การแพร่ระบาดทุกชั่วโมง” เตรือง ฟาน เจ้าของบริษัทขนาดเล็กในเมืองมงไก ทางตอนเหนือของเวียดามและมีพรมแดนติดกับจีน กล่าว แต่สิ่งที่สร้างความกังวลให้กับเตรืองมากกว่าคือการที่เวียดนามตัดสินใจปิดพรมแดนในวันนี้เป็นต้นไป ซึ่งการปิดพรมแดนหมายความว่ารายได้จากการทำธุรกิจของเขาจะลดลงอย่างฮวบฮาบ ขาดรายได้ และท้ายที่สุดบริษัทของเขาอาจประสบปัญหาล้มละลาย

แต่เตรืองไม่ใช่คนเดียวที่กลัวว่าวิกฤตด้านสาธารณสุขที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้กำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่และธุรกิจของเขา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพรมแดนจีน-เวียดนาม ที่กินระยะทางกว่า 22,000 กิโลเมตร

ทางการเวียดนามยืนยัน พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 รายแรกของประเทศ ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่ 10 ของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่มีต้นตอการแพร่ระบาดอยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของจีน

กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนาม ระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายแรกเป็น ชายชาวจีน ซึ่งเดินทางจากเมืองอู่ฮั่น มายังนครโฮจิมินห์ ซิตี้ของเวียดนามเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเยี่ยมลูกชาย ขณะที่ลูกชายของเขา ซึ่งติดเชื้อจากพ่อ แสดงอาการป่วยในอีก 3 วันต่อมา และผลตรวจจากห้องแล็บยืนยันว่า ทั้งคู่กลายเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สองรายแรกในเวียดนาม

ขณะนี้ สองพ่อลูกชาวจีน ถูกกักบริเวณอยู่ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครโฮจิมินห์ และอาการล่าสุดของทั้งคู่ยังคงทรงตัว

ล่าสุด ทางการเวียดนามประกาศห้ามเที่ยวบินโดยสารทุกเที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่นของจีน บินมาลงจอดในสนามบินทั่วเวียดนาม พร้อมออกคำสั่งให้บรรดาบริษัทนำเที่ยวทั้งหลาย ยกเลิกโปรแกรมการท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออก ระหว่างเมืองอู่ฮั่นของจีน กับเวียดนาม เป็นการชั่วคราว

ด้าน“ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส” ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับบลิวเอชโอ) ทวิตข้อความระบุถึงการตัดสินใจตั้งคณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าในปัจจุบัน ที่แพร่ระบาดไปหลายประเทศ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนพุ่งมากกว่า 6,000 ราย และแพร่ระบาดไปอีก 15 ประเทศ

ขณะที่ดร.ไมค์ ไรอัน หัวหน้าคณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ทั่วโลกต้องตื่นตัวเพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรน่า พร้อมกับชื่นชมจีนกับการรับมือการระบาดของโรคได้ยอดเยี่ยม

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศเพื่อเดินทางไปยังประเทศจีน และทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่จีน เพื่อเรียนรู้ และช่วยหยุดหยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้

ขณะที่บ่ายวันที่ 30 ม.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) องค์การอนามัยโลกนัดประชุมฉุกเฉิน เพื่อประเมินสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรน่า 2019 ที่สำนักงานใหญ่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ล่าสุด เว็บไซต์สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) ประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีการยืนยันผลรวมอยู่ที่ 7,711 ราย และผู้ป่วยที่เสียชีวิตทั้งหมด 170 ราย นับจนถึงวันพุธที่ 29 ม.ค.

เตรือง เล่าว่า เพื่อนบ้านของเขาพากันย้ายไปอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย เพราะกลัวว่าจะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ เนื่องจากเมืองที่อยู่มีพรมแดนติดกับจีน โดยเมืองมงไก เป็นเมืองที่พลุกพล่านเนื่องจากมีการทำธุรกิจข้ามพรมแดนอย่างคึกคัก ทั้งยังมีจุดข้ามแดนเล็กๆอีกประมาณ 30 จุด ซึ่งแต่ละจุดไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพมากพอจะตรวจสอบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ

บรรดาเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ชายแดนที่เมืองเหล่าไก ซึ่งมีพรมแดนติดกับมณฑลยูนนานของจีน บอกว่า ได้มีคำสั่งห้ามให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางข้ามพรมแดนตั้งแต่วัันจันทร์(27ม.ค.)ที่ผ่านมา

นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นแหล่งรายได้ของรัฐบาลเวียดนาม โดยในปี 2562 นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปเที่ยวในเวียดนาม เพิ่มขึ้น 16.9% เป็น 5.8 ล้านคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้าไปเที่ยวเวียดนาม 18 ล้านคน

อ่านข่าว
เจาะเรื่องลับ 'ไวรัสโคโรน่า' และอัพเดตข้อมูลที่ต้องรู้!