ซาอุฯห้ามผู้แสวงบุญต่างชาติ ฉุดรายได้ ‘ทัวร์-การบิน’ อินโดฯ
รัฐบาลซาอุดิอาระเบียห้ามชาวต่างชาติเข้าไปแสวงบุญในประเทศ และห้ามนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่พบการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เข้าประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทให้บริการด้านการท่องเที่ยวและสายการบิน
การห้ามชาวต่างชาติเข้าไปแสวงบุญในประเทศ รวมถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 2 แห่งของศาสนาอิสลาม คือ นครเมกกะ และเมืองเมดินา ทั้งยังห้ามนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่พบการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เข้าประเทศของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทให้บริการด้านการท่องเที่ยวและสายการบิน
ในแต่ละปี จะมีผู้คนหลายล้านคนเดินทางไปแสวงบุญที่ซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการจัดพิธีฮัจญ์ จะเป็นช่วงที่คนเดินทางเข้าไปในซาอุฯ มากเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความแน่ชัดว่า จะมีการยกเลิกการประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้หรือไม่
คำสั่งห้ามนี้ เกิดขึ้นในช่วงไม่ถึง 60 วัน ก่อนที่เดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมจะเริ่มต้นขึ้น โดยในช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ผู้แสวงบุญหลายล้านคนเดินทางไปเยือนนครเมกกะ สถานที่ประสูติของศาสดาศาสนาอิสลาม
การตัดสินใจห้ามชาวต่างชาติเข้ามาแสวงบุญในประเทศ เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลซาอุฯ ผลักดันภาคการท่องเที่ยว ด้วยการผ่อนคลายการออกวีซ่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าที่จะให้การท่องเที่ยวมีสัดส่วน เป็น 10% ของจีดีพีภายในปี 2573
ด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า เขา “เคารพ” การตัดสินใจของรัฐบาลซาอุฯ ในการห้ามชาวต่างชาติเข้าไปเยือนสถานที่ทางศาสนาต่างๆ ในประเทศ แต่ทางกระทรวงกิจการศาสนาของอินโดนีเซีย ได้ร้องขอให้มีการยกเว้นสำหรับผู้แสวงบุญชาวอินโดนีเซีย
ซาอุดีอาระเบีย ยืนยันพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกในประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 มี.ค.) โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นชาวซาอุฯ ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากอิหร่านผ่านทางบาห์เรน
กระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบีย เผยว่า ได้ส่งทีมแพทย์ไปทดสอบเชื้อไวรัสก่อนจะพบผลทดสอบเป็นบวก โดยขณะนี้ ผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ในห้องแยกเดี่ยวในโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบหาเชื้อไวรัส และกระทรวงฯ ยืนยันว่าจะประกาศผลทดสอบในเร็ววันนี้
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียได้เริ่มดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสมาก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ ระงับวีซ่าท่องเที่ยว และวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ที่นครเมกกะชั่วคราว หลังประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศตรวจพบผู้ติดเชื้อแล้วหลายราย
นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย ยังระงับการออกวีซ่านักท่องเที่ยวทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน อิตาลี เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และคาซัคสถานเป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งตัดสินใจยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยวที่ออกให้กับพลเมืองของประเทศเหล่านี้ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย
เศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับการขยายตัวของประชาชนชั้นกลาง ทำให้มีผู้นิยมเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะจำนวนมาก โดยทุกวันนี้มีชาวอินโดนีเซียเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกกะจำนวนกว่า 1,000 คนจากที่มีอยู่ประมาณ 450 คนในปี 2556 แต่ดูเหมือนว่าธุรกิจที่เคยเฟื่องฟูเริ่มเข้าสู่ภาวะขาลงเพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นูซา แทรเวล บริษัทท่องเที่ยวน้องใหม่มีฐานดำเนินงานใกล้กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย คือบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำสั่งแบนของซาอุดิอาระเบีย เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทได้ส่งผู้แสวงบุญ 60 คนไปซาอุดิอาระเบีย ส่วนเดือนนี้ ไม่มีผู้แสวงบุญสักคนเดียวมาใช้บริการ
“เราโชคดีมากเพราะเรายังไม่ได้จองห้องพักที่โรงแรม และสายการบิน เพราะฉะนั้น เราจึงปรับเส้นทางบินใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เราเคารพในนโยบายของทางการซาอุดิอาระเบีย แต่ก็หวังว่าจะใช้นโยบายนี้อย่างไม่เลือกปฏิบัติ”โฆษกบริษัทนูซา กล่าว
ส่วนสายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซีย อย่างสายการบินการูดา ที่มีรายได้ประมาณ 20-30% จากเส้นทางอินโดนีเซีย-ซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางนครศักดิ์สิทธิ์อย่างเมกกะ ก็เจอปัญหารายได้ในเส้นทางบินดังกล่าวหายไปเช่นกัน
ส่วนไลออน แอร์ สายการบินเอกชนรายใหญ่สุดของอินโดนีเซีย มีเที่ยวบินไปซาอุดิอาระเบียวันละ 5 เที่ยวบินก็ได้รับผลกระทบจากคำสั่งห้ามของทางการซาอุดิอาระเบียเช่นกัน