ส่งออกจีนทรุด-ทุนสำรองพร่อง ผลพวง 'COVID-19' ระบาดหนัก
การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตผู้คน สังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน แถมยังทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกังวลในเรื่องของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจนเกิดคำถามว่า เมื่อใดเศรษฐกิจจีนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดในขณะนี้ การควบคุมโรคระบาดไปพร้อมๆกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปด้วย เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถรัฐบาลจีนอย่างมาก ด้วยปัจจัยต่างๆดังนี้
สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (เซฟ) เปิดเผยวานนี้ (7 มี.ค.)ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนนับจนถึงสิ้นเดือนก.พ.ลดลง 1.2 พันล้านดอลลาร์หรือ 0.04% สู่ระดับ 3.1067 ล้านล้านดอลลาร์ โดย "หวัง ชุนหยิง" โฆษกและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเซฟ ระบุว่า ตลาดปริวรรตเงินตราของจีนยังคงมีเสถียรภาพในเดือนก.พ. โดยถูกปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ ถ่วงตลาดให้ปรับตัวร่วงลงเพียงเล็กน้อย
หวัง ระบุว่า ปัจจัยต่างๆ ที่รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อย และทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้นในประเทศสำคัญๆ และถึงแม้จะมีความไม่แน่นอนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยฐานพื้นที่แข็งแกร่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของจีน จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังคาดการณ์ว่าผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 จะเป็นเพียงระยะสั้น และสามารถจัดการได้
ด้านศุลกากรของจีน เปิดเผยว่า การส่งออกของจีนทรุดตัวลง 17.2% ในเดือนม.ค.-ก.พ.ปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่การนำเข้าหดตัวลง 4% เนื่องจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ทั้งนี้ การส่งออกของจีนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปี2562 และแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 14% ขณะที่การส่งออกในเดือนธ.ค. 2562 เพิ่มขึ้น 7.9% ส่วนการนำเข้าในช่วง 2 เดือนแรกลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 15% โดยยอดนำเข้าดิ่งลงอย่างหนักจากเดือนธ.ค.ที่เคยพุ่งขึ้น 16.5%
จีนมียอดขาดดุลการค้า 7.09 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จีนจะเกินดุลการค้า 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่เกินดุล 4.721 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ปี 2562 ส่วน มูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมดของจีนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ร่วงลง 11.0% สู่ 5.919 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบรายปี บ่งชี้ถึงผลกระทบจากภาวะชะงักงันด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐ ได้อนุมัติการขอยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าทางการแพทย์จากจีนจำนวนมากกว่า 100 รายการ รวมถึงหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์ และผ้าเช็ดทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรค เป็นการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวให้กับบริษัท 27 แห่ง ซึ่งได้ยื่นคำร้องขอยกเว้นภาษีก่อนกำหนดเส้นตายเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ของโรคโควิด-19 ยังคงอยู่ในประเทศจีน แต่บรรดาบริษัทสหรัฐได้เตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดในวงกว้าง
ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโรคโควิด-19 ทำให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) เร่งอนุมัติการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าด้านการแพทย์ดังกล่าวจากจีนภายในเวลาเพียง 1 เดือน หลังจากพ้นกำหนดเส้นตายการยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสินค้าดังกล่าวจากจีนได้รับการยกเว้นจากการเก็บภาษีนำเข้ารอบที่ 4 ที่รัฐบาลสหรัฐกำหนดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐและจีนกำลังเจรจากันเพื่อทำข้อตกลงการค้า
บริษัทเมดไลน์ อินดัสทรีส์ อิงค์ในเมืองนอร์ธฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดวิกฤตขาดแคลนหน้ากากอนามัย ซึ่งจะขยายวงกว้างไปทั่วโลก บริษัทจึงเพิ่มกำลังการผลิตโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่เพื่อรับประกันความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชน บริษัทยังคงต้องเพิ่มกำลังการผลิตสูงสุดจากซัพพลายเออร์ทั้งหมดทั้งใน และนอกประเทศจีน
ด้านคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) แถลงวานนี้ (7มี.ค.)ว่า นับจนถึงวันศุกร์ที่ 6 มี.ค. มีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในจีน เพิ่มขึ้นอีก 28 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจีน เพิ่มเป็น 3,070 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นอีก 99 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 80,651 ราย
เอ็นเอชซี ระบุด้วยว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตรายใหม่ทั้งหมด 28 รายอยู่ในมณฑลหูเป่ย์ ส่วนผู้ป่วย 1,678 ราย ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล หลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วมีจำนวนรวมอยู่ที่ 55,404 ราย
ที่ผ่านมา เอสแอนด์พี โกลบอล ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2563 เหลือ 4.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.7% โดยให้เหตุผลถึงการที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนส่วนใหญ่หยุดเคลื่อนไหวในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 แม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดจะเริ่มบรรเทาลงแล้วก็ตาม
ด้านเลขาธิการคณะกรรมการการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติจีน ก็ยอมรับว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ นับตั้งแต่การบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน ไปจนถึงทำให้บริษัทต่างๆ ไม่สามารถเปิดทำการได้อีกครั้ง แต่เชื่อว่าผลกระทบจะเป็นเพียงระยะสั้น และเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามที่ตั้งไว้
ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น คาดการณ์ว่า อย่างน้อยที่สุดในกลางเดือนมีนาคมนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทอื่นๆ จะสามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังเหมือนเดิม