อิตาลีทุ่ม 2.5 หมื่นล้านยูโร กู้วิกฤติ COVID-19
รัฐบาลอิตาลีประกาศแผนทุ่มงบประมาณมากถึง 2.5 หมื่นล้านยูโร (เกือบ 8.9 แสนล้านบาท) ในวันนี้ (11 มี.ค.) เพื่อรับมือกับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่คร่าชีวิตกว่า 600 คน และอาจเพิ่มความเข้มงวดการเดินทางที่ประกาศใช้ไปแล้ว
นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเตของอิตาลี แถลงว่า รัฐบาลมีแผนอัดงบการใช้จ่ายเป็น 2.5 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่คณะรัฐมนตรีเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าต้องการงบประมาณเพียง 7,500 ล้านยูโร (ราว 2.66 แสนล้านบาท) และอาจเพิ่มมาตรการเข้มงวดการเดินทางขึ้นอีก
นายคอนเตเผยว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังคำขอและข้อเสนอจากพื้นที่ต่าง ๆ แต่จะต้องใช้ความรอบคอบก่อนตัดสินใจใช้มาตรการใหม่ ๆ วัตถุประสงค์หลักคือการปกป้องสุขภาพประชาชน แต่ต้องคำนึงว่าจะกระทบผลประโยชน์ด้านอื่นด้วยหรือไม่ และต้องตระหนักเรื่องการละเมิดเสรีภาพพลเมืองด้วย
การเพิ่มงบรายจ่ายของอิตาลีมีขึ้นหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้นถึงขั้นต้องปิดทั้งประเทศ โดยเฉพาะศูนย์กลางการระบาดอย่างแคว้นลอมบาร์ดี ทางตอนเหนือของประเทศที่ขอให้ปิดร้านค้าและขนส่งสาธารณะทั้งหมด
นายโรแบร์โต กูอัลเตียรี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ระบุว่า ครึ่งหนึ่งของงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านยูโร จะถูกนำไปใช้ในทันที และอีกครึ่งหนึ่งจะกันไว้ใช้กรณีเกิดวิกฤติด้านสาธารณสุขที่เกินกว่ารัฐจะควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม แผนงบประมาณใหม่ต้องได้รับการอนุมัติจากบรรดาผู้นำอียูก่อน ภายใต้กฎการขาดดุลงบประมาณอันเข้มงวดสำหรับ 27 ชาติสมาชิก
อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 นอกจากจีนมากที่สุด นับถึงวันที่ 11 มี.ค. จำนวนผู้ป่วยอยู่ที่ 10,149 คน และผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 631 คน ทั้งที่เพิ่งพบผู้ป่วยกลุ่มแรกที่แคว้นลอมบาร์ดีเมื่อวันที่ 21 ก.พ.
รัฐบาลตอบสนองการระบาดเมื่อเดือนที่แล้วด้วยการกักกันโรคประชาชน 50,000 คนในหมู่บ้าน 11 แห่งซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดในภาคเหนือ มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากในวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) ทางการสั่งจำกัดการเดินทางและการชุมนุมในที่สาธารณะในแคว้นลอมบาร์ดี และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น เมืองเวนิซ ซึ่งมีประชากรอาศัยกว่า 15 ล้านคนและเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 40% ของอิตาลี
มาตรการของทางการแคว้นลอมบาร์ดีครอบคลุมถึงพลเมืองทั้งหมด 60 ล้านคนในช่วงเช้าวันอังคาร (10 มี.ค.)
หากรัฐบาลอิตาลีเพิ่มการใช้จ่ายตามที่ประกาศก็จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณปีนี้เกินเกณฑ์ของสหภาพยุโรป (อียู) ที่อิตาลีเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งกำหนดเพดานไว้ที่ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)