เตือนแรงงานครึ่งโลกเสี่ยง 'ตกงาน-ชีวิตเปลี่ยน' จากโควิด

องค์กรแรงงานสากล หรือ ไอแอลโอ (ILO) ระบุว่า ผลพวงจากการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก จะทำให้แรงงาน 1,600 ล้านคนอาจสูญเสียวิถีชีวิตที่เคยเป็น หลังจากสูญเสียชั่วโมงทำงาน เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของแรงงานทั่วโลก อยู่ในฐานะเสี่ยงที่จะตกงาน

รายงานเตือนฉบับนี้ของไอแอลโอถือเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึงรัฐบาลทุกประเทศ หลังจากที่กิจกรรมทางธุรกิจและเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกต่างหยุดชะงัก เพราะการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และถือเป็นสถานการณ์ยากลำบากที่สุดในตลาดแรงงานโลก

“สำหรับแรงงานหลายล้านคน การไม่มีรายได้หมายถึงการไม่มีอาหารรับประทาน ชีวิตไม่มีความมั่นคง และไม่มีอนาคต ขณะที่ตอนนี้ธุรกิจหลายล้านแห่งทั่วโลกแทบจะหยุดหายใจ หรือไม่มีการเคลื่อนไหวเลย แรงงานเหล่านี้ไม่มีเงินออม และเข้าไม่ถึงสินเชื่อ นี่คือสภาพความเป็นจริงของแรงงานทั่วโลก หากรัฐบาลประเทศต่างๆ ไม่ช่วยเหลือแรงงานเหล่านี้ พวกเขาก็จะหายไปจากระบบ” กาย ไรเดอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ของไอแอลโอ ให้ความเห็น         

รายงานของไอแอลโอ ระบุว่า ใน “เศรษฐกิจนอกระบบ” ที่ไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลหรือถูกทางการตรวจสอบ แต่มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายนั้น มีแรงงานอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบนี้ของโลกในสัดส่วน 2 ใน 3 ด้วยกัน

การประเมินสถานการณ์ด้านแรงงานล่าสุดของไอแอลโอ บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกจำนวนกว่า 3.1 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 226,000 ราย อีกทั้งประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกแทบทุกแห่งตัดสินใจล็อคดาวน์ประเทศ  ปิดธุรกิจและยุติการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

“ข้อมูลที่ไอแอลโอรวบรวมมาและจัดทำเป็นรายงานล่าสุด บ่งชี้ว่าสถานการณ์แรงงานโลกขณะนี้อยู่ในระดับวิกฤติและผลพวงต่างๆที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายกว่าที่ไอแอลโอประเมินไว้เมื่อสามสัปดาห์ก่อน” ไรเดอร์ ระบุ

สถานการณ์แรงงานที่อยู่ในขั้นวิกฤติตามที่ไรเดอร์กล่าว เริ่มปรากฏให้เห็นในอังกฤษและในเวลส์ โดยสหภาพแรงงานทั้งในอังกฤษ และในเวลส์ ต่างเรียกร้องให้ไอแอลโอดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อปกป้องแรงงานทั่วโลก

ก่อนหน้านี้ ไอแอลโอ เผยว่า 81% ของแรงงานทั่วโลก ซึ่งมีประมาณ 3,300 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากสถานที่ทำงานถูกปิดหรือปิดเพียงบางส่วน ขณะที่งานของแรงงาน 4 ใน 5 คน ทั่วโลก ได้รับผลกระทบเนื่องจากนโยบายคุมเข้ม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ ส่งผลให้บริษัทจำนวนมากต้องปิดตัวลง ทำให้มีการลดจำนวนพนักงานทั้งแบบถาวรและชั่วคราว

ไอแอลโอ ระบุด้วยว่า แรงงานและภาคธุรกิจกำลังประสบหายนะ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศพัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา จึงจำเป็นต้องมีการลงมืออย่างรวดเร็ว แน่วแน่ และร่วมมือกัน เพื่อกำหนดมาตรการที่ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อให้ทุกคนบนโลกอยู่รอด

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังทำให้เวลาการทำงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลดลง 6.7% ซึ่งเทียบเท่ากับแรงงานที่เคยมีงานทำเต็มเวลา ต้องสูญเสียงานไปราว 195 ล้านคน

ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือ ตะวันออกกลาง ซึ่งมีการลดเวลาทำงานลงประมาณ 8.1% และหากแบ่งตามภูมิภาค แรงงานในเอเชียแปซิฟิก ที่ถูกลดเวลาทำงานมีมากที่สุดถึง 125 ล้านคน แรงงานในทวีปอเมริกา 24 ล้านคน ในแอฟริกา 19 ล้านคน ยุโรป 12 ล้านคน เอเชียกลาง 8 ล้านคน และตะวันออกกลาง 5 ล้านคน

ส่วนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบนั้นจะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปจากมาตรการคุ้มเข้มของแต่ละประเทศ โดยธุรกิจภาคบริการได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากการห้ามเดินทางและการออกไปสังสรรค์ รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรมการผลิต การค้าส่งและค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจทั่วไป

ไอแอลโอ ยังระบุด้วยว่า สถานการณ์ในปัจจุบันถือเป็นวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมี 2 ปัจจัยหลัก ที่จะส่งผลกระทบให้มีการว่างงานเพิ่มมากขึ้นอีกหรือไม่ คือเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้เร็วเพียงใดในช่วงครึ่งปีหลัง และมาตรการต่างๆ ที่มีการนำมาใช้จะช่วยกระตุ้นความต้องการแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

ในช่วงท้ายของรายงานล่าสุด ไอแอลโอ เรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศเร่งจ่ายเงิน หรือจัดสรรผลประโยชน์ต่างๆ ให้แก่แรงงานที่ตกงาน รวมถึงแรงงานที่ทำงานอิสระทั้งหลาย รวมทั้งเร่งหาทางช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำให้ เพื่อบรรเทาผลกระทบแก่แรงงาน