กำลังซื้อผู้บริโภคจีนแผ่ว ข่าวร้ายแบรนด์ดังโลก

กำลังซื้อผู้บริโภคจีนแผ่ว ข่าวร้ายแบรนด์ดังโลก

สินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทั้งหลาย ถึงเวลารับโจทย์ใหญ่ ที่นอกจากจะต้องรออีกนาน กว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนจะฟื้นคืนกลับมา แถมโรคระบาด "โควิด-19" ยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีนไปอีกด้วย

บริษัทข้ามชาติเจ้าของสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทั้งหลาย ต้องรอเวลาอีกพักใหญ่กว่าที่กำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนจะฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม100%  เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีนไปแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

สินค้าแบรนด์ดังระดับโลกจำนวนมากต่างฝากความหวังไว้ที่ตลาดจีนว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจได้ ขณะที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็พยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายอย่างมากมายมหาศาลจากการระบาดของโรคโควิด-19 กลับคืนมาเช่นกัน

บริษัทต่างๆ ที่เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์ดังตั้งแต่เลโก้ เอเอส จนถึงโดมิโน พิซซ่า อิงค์ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในจีนเมื่อเทียบกับช่วง 1 เดือนหรือ 2 เดือนที่แล้ว แต่การฟื้นตัวเต็ม100% จนเข้าสู่ภาวะปกตินั้น เป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลา เนื่องจากมีชาวจีนจำนวนมากสูญเสียงาน หรือมีรายได้ลดลงจากการระบาดของโรคโควิด-19 และประชาชนบางกลุ่มก็ต้องการประหยัดเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องใช้เงินด้วยความระมัดระวัง” อู่ หยุน ผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ วัย 40 ปี กล่าว โดยอู่ ไม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากการระบาดของโรคโควิด-19 แต่เขาก็ต้องลดการใช้จ่ายส่วนตัวลง รวมทั้งล้มเลิกแผนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่

ไม่ใช่ อู่ คนเดียวที่คิดแบบนี้ “หวัง ไห่เทียน” วัย 31 ปี ซึ่งทำงานที่กองทุนเพื่อการลงทุนแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ และวางแผนจะนำรถยนต์นิสสันไปเทิร์น เป็นรถยนต์เทสลาโมเดล 3 ในปีนี้ ต้องระงับแผนการทั้งหมดเอาไว้ก่อน เพราะการระบาดของโรคโควิด-19

“เมื่อคุณได้ยินแต่ข่าวร้ายตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ข่าวเศรษฐกิจไปจนถึงตลาดหุ้น ทำให้ผมตัดสินใจชะลอการใช้เงินเอาไว้ก่อน เพราะการถือเงินสดไว้กับตัวในช่วงที่ไวรัสระบาดทำให้ผมเกิดความรู้สึกอุ่นใจมากกว่า” หวัง กล่าว

จีน เป็นตลาดผู้บริโภคใหญ่สุดในโลก โดยเมื่อปีที่แล้ว มียอดขายจากธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ และสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) รายงานว่า ยอดค้าปลีก ซึ่งเป็นมาตรวัดการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ร่วงลง 19% ในไตรมาส 1/2563 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ

ยอดค้าปลีกในพื้นที่ชนบท ลดลง 17.7% ในไตรมาส 1 ขณะที่ยอดค้าปลีกในพื้นที่เขตเมือง ลดลง 19.1%

อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกในไตรมาส 1 ปรับตัวลงน้อยกว่าในช่วง 2 เดือนแรกที่ร่วงลงถึง 20.5%

ส่วนในเดือนมี.ค.เพียงเดือนเดียวนั้น ยอดค้าปลีกอยู่ที่ 2.645 ล้านล้านหยวน (3.74 แสนล้านดอลลาร์) ลดลง 15.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งรายงานของเอ็นบีเอส ระบุด้วยว่า ยอดค้าปลีกในพื้นที่ชนบท ลดลง 17.7% ในไตรมาส 1 ขณะที่ยอดค้าปลีกในพื้นที่เขตเมือง ลดลง 19.1%

การปรับตัวลงของยอดค้าปลีกเกิดขึ้นเนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ของรัฐบาลจีน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องอยู่แต่ในบ้าน ขณะที่ร้านค้าและร้านอาหารต้องปิดกิจการในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจค้าปลีกในจีนจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนทำให้บรรดาสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกต้องอดทนรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดบรรเทาลงมากกว่านี้ แต่ธุรกิจค้าปลีกทางออนไลน์กลับขยายตัวอย่างต่อเนื่องและขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่  

อย่างกรณี เจดีดอทคอม ที่ยอดขายช่วงไตรมาส1 เพิ่มขึ้น 10% เช่นเดียวกับบริษัทค้าปลีกแบบออฟไลน์บางแห่งที่มียอดขายเพิ่มขึ้น เช่น ไนกี้ รายงานยอดขายรายไตรมาสในจีนเพิ่มขึ้น 5% และยอดขายเครื่องสำอางของลอรีอัล ที่เพิ่มขึ้น 6% เพราะ ยอดขายทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นมาก

ช่วงปลายเดือนเม.ย. ร้านค้าปลีกแฟชั่นหลายแห่งในจีนยังคงเปิดให้บริการและมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้าหรู เช่น หลุยส์วิตตอง เคอริง ซึ่งกรณีนี้ ฌอง-ฌากส์ กุยโอนี หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่การเงิน(ซีเอฟโอ)ของหลุยส์วิตตอง ให้ความเห็นว่า ผู้บริโภคชาวจีนอยากกลับมาบริโภคสินค้าในรูปแบบเดิมก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

158860378768

ส่วน “เจมส์ ควินซีย์” ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)โคคา-โคลา โค มีความเห็นว่าข้อจำกัดเรื่องการรวมกลุ่มกันของผู้คนในจีนทำให้การบริโภคสินค้าและบริการลดลงไปโดยปริยาย สอดคล้องกับสตาร์บัคส์ คอร์ป ที่บอกเมื่อปลายเดือนมี.ค.ว่ายอดขายลดลงกว่า 40% ส่วนเจเนอรัล มอเตอร์ โค และฟอร์ด มอเตอร์ โค เจอปัญหายอดขายร่วงลง43% และ35 % ตามลำดับ 

ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (อีไอยู)คาดการณ์ว่าการบริโภคของจีนจะไม่กลับมาขยายตัวเหมือนเดิมจนกว่าจะถึงปีหน้า สอดคล้องกับการคาดการณ์ของยูบีเอส กรุ๊ป เอจี ที่ระบุว่าการบริโภคในจีนจะลดลงและการซื้อสินค้าทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นมากจนสามารถชดเชยกับยอดค้าปลีกออฟไลน์ที่ลดลงได้

ช่วงกลางเดือนเม.ย. แมคคินซีย์แอนด์ โค ได้เผยแพร่ผลสำรวจความเห็นผู้บริโภคในจีน พบว่า 40% จะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการใช้จ่ายเงิน มีเพียง 13% เท่านั้นที่เห็นต่างในเรื่องนี้ ส่วนผลสำรวจความเห็นผู้บริโภคชาวจีนอีกชิ้นที่จัดทำโดยพีเพิล แบงก์ ออฟ ไชนาพบว่า 53% ของผู้ฝากเงินมีแผนเก็บเงินเพิ่มขึ้่น เทียบกับ 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่บอกว่ามีแผนจะใช้จ่ายเงินมากขึ้น