รู้จักบริษัทเบื้องหลัง ‘FaceApp’ ฟิลเตอร์แปลงโฉมสุดฮิต

แม้แอพพลิเคชั่น FaceApp กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยขณะนี้ เห็นได้จากเหล่าคนดังและอินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้แต่ชาวเน็ตทั่วไป ต่างโพสต์รูปตัวเองที่ถูกแปลงโฉมเป็นเพศตรงข้ามกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในเฟซบุ๊คและอินสตาแกรม แต่จริง ๆ แล้ว แอพนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2560 โดยการพัฒนาของบริษัทสัญชาติรัสเซียที่ชื่อ “ไวร์เลส แล็บ” (Wireless Lab)

“ยาโรสลาฟ กอนชารอฟ” ผู้ประกอบการชาวรัสเซียซึ่งปัจจุบันเป็นซีอีโอบริษัทไวร์เลส แล็บ ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นไม่นานหลังรัฐบาลรัสเซียเผชิญข้อกล่าวหาว่าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปลายปี 2559 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้แอพนี้

แต่อันที่จริง บริษัทที่มีฐานในรัสเซียไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเสมอไป แม้ในประเทศจะมีหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลมอสโกก็ตาม

 

• ประวัติผู้ก่อตั้ง

กอนชารอฟ เติบโตในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย และจบการศึกษาระดับมัธยมสาขาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์จากโรงเรียนประจำในท้องถิ่น จากนั้นไปศึกษาต่อปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์และกลศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเมื่อขึ้นปี 2 เขาก็เริ่มทำงานประจำแล้ว

- ยาโรสลาฟ กอนชารอฟ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของไวร์เลส แล็บ -

เมื่อจบปริญญาตรี กอนชารอฟบินไปทำงานที่สหรัฐช่วงปลายปี 2546 หลังได้รับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “ไมโครซอฟท์” และได้ทำงานที่นั่นอยู่ 2 ปีเศษ

“หลังจากนั้น ผมได้ทำงานอีกหลายโปรเจค รวมถึงที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์คำพูด (Speech Analysis) และราวในปี 2559 ผมตัดสินใจใช้เทคโนโลยีอันก้าวหน้านี้ในการดัดแปลงรูปถ่าย นี่เป็นที่มาของ FaceApp” กอนชารอฟเผยกับเว็บไซต์ The Globe Post เมื่อปี 2562

ในปี 2549 กอนชารอฟได้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอพมือถือ “SPB Software” ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และในปี 2554 Yandex บริษัทข้ามชาติของรัสเซียซึ่งเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต เข้าเทคโอเวอร์ SPB Software ด้วยข้อตกลงมูลค่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์

หลังจากออกจากบริษัท Yandex กอนชารอฟจึงได้ออกมาก่อตั้ง ไวร์เลส แล็บ ในที่สุด

ปี 2561 ไวร์เลส แล็บ ย้ายสำนักงานจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปอยู่เมืองสคอลโคโว หรือ “เมืองนวัตกรรม” ซึ่งมักถูกยกว่าเป็น “ซิลิคอนวัลเลย์ของรัสเซีย” จากนั้น บริษัทขยายสำนักงานไปถึงเมืองวิลมิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนาของสหรัฐ และ FaceApp ก็จดทะเบียนที่นั่นด้วย

 

• ควรกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวหรือไม่

หนึ่งในข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้ FaceApp คือ แอพนี้อัพโหลดรูปถ่ายของผู้ใช้ไปที่ระบบคลาวด์แทนที่จะประมวลผลรูปภาพเฉพาะบนอุปกรณ์ ส่วนอีกเรื่องคือบริษัทเก็บรูปถ่ายของผู้ใช้งานไว้นานเพียงใด

 

ไวร์เลส แล็บเผยว่า อาจเก็บรูปของผู้ใช้ไว้ในระบบคลาวด์ แต่ส่วนใหญ่จะลบหลังผ่านไปแล้ว 48 ชั่วโมง และไม่มีการขายหรือส่งต่อข้อมูลไปให้บุคคลที่สาม หรือแม้แต่รัฐบาลรัสเซีย

แม้ผู้พัฒนาแอพจะยืนกรานแบบนั้น แต่ ทิฟฟานี ลี ทนายความเทคโนโลยีและนักวิชาการด้านกฎหมายจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยลในสหรัฐ เตือนว่า จะเป็นการดีกว่า หากผู้ใช้กังวลเกี่ยวกับรูปแบบการปกป้องความเป็นส่วนตัวในภาพรวม และแนะนำให้เลิกใช้ FaceApp เพราะแอพนี้ไม่มีการควบคุมวิธีการใช้ข้อมูลใบหน้าของผู้ใช้

ในปีที่แล้วช่วงที่คนในหลายประเทศนิยมเล่น FaceApp วิล สตราฟาช ซีอีโอของการ์เดียนไฟร์วอลล์ บริษัทด้านความปลอดภัยระบบปฏิบัติการในสหรัฐ เผยผ่านทวิตเตอร์ว่า แอพนี้จะแต่งเฉพาะรูปที่ผู้ใช้เลือกเท่านั้น เหตุที่เกิดความสับสนและกังวล เป็นเพราะไอโฟนจะแสดงรูปทั้งหมดในคลังรูปเพื่อให้ผู้ใช้เลือก ทำให้เข้าใจผิดว่ารูปทั้งหมดไปปรากฏในแอพนี้

“ผู้ใช้สามารถเลือกให้แอพเข้าถึงรูปทั้งหมดในคลังได้ แต่ก็ยังไม่พบว่าแอพนี้อัพโหลดรูปอื่น ๆ ที่ไม่ได้เลือก ส่วนสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์ไม่แสดงรูปทั้งหมดในคลังเหมือนไอโฟนของ Apple จึงไม่เกิดความสับสนและกังวลดังกล่าว”

อย่างไรก็ตาม สตราฟาชเสริมว่า รูปที่ผู้ใช้เลือกให้แอพแต่งรูปจะถูกส่งไปยังระบบคลาวด์ เปิดช่องให้ถูกแฮกและขโมยไปใช้งานได้ต่อไป แม้นโยบายความเป็นส่วนตัวของ FaceApp ระบุว่า จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อการโฆษณาและปรับปรุงฟีเจอร์ใหม่ ๆ และจะไม่นำไปขายให้แก่บุคคลที่สาม แต่มีข้อยกเว้นหลายข้อ เช่น สามารถนำข้อมูลไปแบ่งปันหลังจากลบข้อมูลที่ระบุตัวตนผู้ใช้แล้ว