‘นักศึกษาต่างชาติ’ แหล่งทำเงินสหรัฐ
นักศึกษาต่างชาติสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมหาศาล จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์สหรัฐชี้ปี 2561 มีรายได้จากส่วนนี้กว่า 4.47 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวยังส่งผลต่อที่พักอาศัย ค้าปลีก ขนส่ง ประกันสุขภาพก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย
รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (6 ก.ค.) ว่า นักศึกษาต่างชาติต้องออกจากสหรัฐ หากมหาวิทยาลัยเปิดสอนออนไลน์ทั้งหมด นโยบายนี้สร้างความคลุมเครือในหมู่นักศึกษาหลายหมื่นคนที่ลงทะเบียนเรียน และมีแนวโน้มทำให้มหาวิทยาลัยที่ประสบปัญหาในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 อยู่แล้วอาจเจอภาวะเงินขาดมือขึ้นไปอีก เพราะนักศึกษากลุ่มนี้คือผู้มีส่วนสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ
ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศและสถาบันการศึกษานานาชาติ (ไอไออี) ระบุว่า ในปีการศึกษา 2561-2562 นักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยสหรัฐมีจำนวนราว 1.1 ล้านคน คิดเป็น 5.5% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐ
จากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า เมื่อเปิดภาคการศึกษาใหม่ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ จะปรับรูปแบบการเรียนการสอนไปเป็นออนไลน์ทั้งหมด หรือยังสอนกันในชั้นเรียน หรือใช้ทั้งสองรูปแบบผสมกัน คำสั่งว่าด้วยคนเข้าเมืองอาจมีผลกับนักศึกษาเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็มีสองมหาวิทยาลัยชื่อดังที่นำเรื่องขึ้นสู่ศาลในวันพุธที่ผ่านมาเพื่อระงับคำสั่งดังกล่าว
จริงๆ แล้วเงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายของนักศึกษาต่างชาติเป็นที่ต้องการของมหาวิทยาลัยและชุมชนใกล้เคียงอยู่มาก เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่จ่ายค่าลงทะเบียนเรียนมากกว่านักศึกษาสหรัฐเอง และยังใช้จ่ายในเรื่องของที่พักและงานบริการในท้องถิ่นอีกด้วย
รายงานของไอไออีอ้างข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่านักศึกษาต่างชาติสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2561 เป็นเงิน 4.47 หมื่นล้านดอลลาร์
กลุ่มการศึกษานานาชาติ “เอ็นเอเอฟเอสเอ” ประเมินว่า ระหว่างปีการศึกษา 2561-2562 นักศึกษาต่างชาติช่วยหนุนการจ้างงานราว 460,000 คนในสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นงานในมหาวิทยาลัย แต่งานด้านที่พักอาศัย ค้าปลีก ขนส่ง ประกันสุขภาพก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย
เงินสนับสนุนการศึกษาของนักศึกษา 1.1 ล้านคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ นักศึกษาต่างชาติ 57% บอกว่า เงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินส่วนตัวหรือจากครอบครัว อีก 5% มาจากทุนรัฐบาล มหาวิทยาลัย หรือทุนต่างประเทศอื่นๆ
จีนคือผู้สนับสนุนรายใหญ่ของบรรดานักศึกษาต่างชาติในสหรัฐ ตามมาด้วยอินเดีย และซาอุดีอาระเบีย
สมาคมอสังหาริมทรัพย์สหรัฐรายงานว่า กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนมีมากถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนถึงสิ้นเดือน มี.ค.2561 แต่ลดลงเหลือ 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์ ใน 12 เดือนถัดมา ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐ ราว 10% เป็นการซื้อให้นักศึกษาใช้ถือเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในบรรดากลุ่มผู้ซื้อต่างชาติ
ไม่เพียงเท่านั้น บ่อยครั้งที่นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้จ่ายค่าเล่าเรียนเป็นเงินมากกว่านักศึกษาสหรัฐเอง ซึ่งรวมถึงค่าเล่าเรียน “นอกเหนือจากที่ระบุ” ในมหาวิทยาลัยของรัฐ และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมพิเศษครอบคลุมค่าเข้าเรียนด้วย
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเปอร์ดู เผยไว้ในรายงานสถาบันอุดมศึกษา ปี 2558 ว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำรายได้พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยได้ปีละกว่า 10 ล้านดอลลาร์
เทอร์รี ฮาร์เทิล รองประธานอาวุโส ฝ่ายกิจการสาธารณะและรัฐบาล สภาการศึกษาอเมริกัน ที่เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยในวอชิงตันดีซีเผยว่า โดยปกติมหาวิทยาลัยดังที่ใครๆ ก็รู้จัก มักมีบัญชีสำรองว่าที่นักศึกษาเอาไว้ พร้อมเรียกนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน
“ไม่ได้เป็นความลับอะไร ที่นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้จะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเต็มอัตรา และนี่คือแหล่งที่มาของรายได้ที่มหาวิทยาลัยจะสามารถนำไปใช้บริหารเพื่อเป็นทุนช่วยเหลือนักศึกษาคนอื่นๆ และเป็นส่วนลดให้กับคนอื่นๆ”